(เครดิตภาพปกจาก Pixabay) เพื่อนๆว่า “ความสุขในการดื่มกิน” มันอยู่ตรงไหนครับ? จริงๆแล้วไม่ว่าจะกิน หรือดื่มมันละเมียดและสุนทรีย์พอๆกัน เครื่องดื่มแต่ละชนิดก่อนดื่มกิน หากมีการแต่งเติมเพียงเล็กน้อย ก็สามารถทำให้รสชาติมันแปลกแยกออกไปไม่มีที่สิ้นสุด วันนี้ผมขออนุญาตละเมียดการดื่มออกเป็นหัวข้อพอประมาณ เพื่อให้ได้อรรถรสในยามดื่มกิน และให้ได้เสน่ห์เมื่อมีผู้พบเห็นว่าท่านนั้น “ไม่ธรรมดาในเรื่องการเลือก และใส่ใจในการเข้าสังคม” หัวข้อต่อไปนี้ผมครุ่นคิดอยู่เล็กน้อยว่ามันคือ “วิธีการดื่ม” หรือ “วิธีการปรุงแต่งเครื่องดื่ม” เพราะมันเหมือนมีเส้นบางๆแบ่งแยกไว้ เฉกเช่นน้ำแข็งที่จดจ่อกำลังจะสัมผัสกับปลายจมูกอยู่รอมร่อ ผมก็ขอรวบรัดตัดใจด้วยตัวเองนะครับว่า ผมจะใช้คำว่า “วิธีการดื่ม” ก็แล้วกัน “วิธีการดื่ม” อย่างที่ผมเกริ่นนำไว้นี้ ผมจัดแบ่งตามรูปลักษณ์ที่มองเห็น และรสชาติที่ตามมา นั่นก็คือผมเลือกใช้ “รูปและรส” เป็นสำคัญในการแบ่งแยก ภาพโดย Felix Wolf จาก Pixabay วิธีการดื่มแบบแรกคือ “ดื่มแบบเพียว” (straight up) ยกตัวอย่างเช่น บรั่นดี (Brandy), ไวน์ (Wine), วิสกี้ (Whisky) ฯ หรือจะเป็นเหล้าสปิริตอีกหลายชนิด ซึ่งจุดเด่นของเหล้าที่นิยมดื่มแบบเพียว ก็เพราะว่าต้องการให้ได้รับกลิ่นหอม และรสชาติแท้ๆของเหล้าชนิดนั้นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บรั่นดี เขาจะต้องใส่ในแก้วบรั่นดี แล้วก่อนดื่มก็ต้องใช้ฝ่ามือโอบอุ้มแก้วไว้ เพื่อให้ความผ่าวร้อนของร่างกาย ไหลเข้าสู่เนื้อเหล้า เป็นผลให้กลิ่นของมันกำจายออกมา แล้วก็สูดดมก่อนจะยกขึ้นจิบเข้าปาก หรือแม้แต่ไวน์ก็ยิ่งพิถีพิถันเหลือคณานับ เรื่องการกินต้องขอยกพูดคุยกระเถิบออกไปในบทต่อไปนะครับ Photo by Ash from Pexels วิธีการดื่มแบบที่สอง คือ “ดื่มแบบออนเดอะร็อก” (On the rock) มันก็คือการนำเหล้าใส่แก้วทรงเตี้ย (Old-fashioned glass) แล้วหย่อนน้ำแข็งลงไปให้ท่วมแก้วเท่านั้นเอง เวลาดื่มก็จะยกขึ้นให้น้ำแข็งสัมผัสปลายจมูกผู้ดื่มแผ่วเบา (อย่าไปสัมผัสปลายจมูกคนอื่นนะครับ) แล้วกระดกแก้วให้น้ำเหล้าไหลอาบน้ำแข็ง แล้วค่อยๆไหลรินลงสู่ปากและคอ ...ซึ่งประโยชน์ของมันก็จะยังต้องการคงกลิ่นหอมและรสชาติของเหล้าไว้ แต่ก็ยังต้องการความเย็นเพื่อให้เกิดความกระชุ่มกระชวย เครื่องดื่มที่เรานิยมพบบ่อยก็เช่น วิสกี้ผสม (ที่ไม่ใช่มอลท์เพียวๆ), จิน, วอดก้า, รัม และเหล้าประเภทลิเคียวชนิดต่างๆ เช่น คารัว, เทียมาเรีย, คูราโซ่สีต่างๆ ฯ ภาพโดย sgroene จาก Pixabay วิธีการดื่มแบบที่สาม คือ “ดื่มแบบไฮบอล” (Highball) มันคือการดื่มที่เราๆท่านๆพบพานบ่อยที่สุด ก็เช่น เหล้าใส่น้ำแข็งผสมโซดา ไม่ว่าจะเป็น วิสกี้ผสมโซดา, จินผสมโทนิค, รัมผสมโค้ก, วอดก้าผสมน้ำส้ม, วอดก้าผสมน้ำมะเขือเทศ ฯ ซึ่งล้วนแต่อยู่ในรูปแบบนี้ทั้งสิ้น การดื่มรูปแบบนี้ เหล้าหลัก (Liquor base) ส่วนมากจะใช้เหล้าที่ราคาถูกจนถึงระดับกลาง ก็เพราะว่าผู้ดื่มจะไม่ค่อยสนใจละเมียดความหอมของเหล้าสักเท่าไร แต่ต้องการจะใช้มิกเซอร์ตัวอื่นๆเข้ามาปรุงแต่งรสชาติร่วมด้วย ฉะนั้นเวลาไปสั่งดื่มกินที่โรงแรมหรือบาร์ต่างๆ ท่านสามารถสอบถามได้นะครับว่า “pouring brand” ของเขาคืออะไร? ซึ่งส่วนมากก็จะเลือกเอาราคาถูกไว้ก่อน ก็เพราะต้องการควบคุม “cost” นั่นเอง ภาพโดย sgroene จาก Pixabay วิธีการดื่มแบบที่สี่ คือ “ดื่มแบบผสม” (Cocktail) เหตุที่ผมใช้คำว่า cocktail ก็เพราะว่า “มันไร้กฎเกณฑ์” อยากจะผสมแบบไหน ก็ตามอัธยาศัยได้เลย และจริงๆแล้วทั้งหมดทั้ง 4 ข้อมันก็คือ cocktail เหมือนกัน และในรูปแบบการดื่มแบบที่สี่นี่แหละครับ ที่มันพูดคุยแทบจะไม่รู้จบ อย่างไรก็ตาม ก็ขอปราถนาให้ท่านดื่มกินอย่างพอประมาณ การเดินทางสายกลางเป็นสิ่งที่ดีที่สุด การหลงใหลได้ปลื้มในรสชาติของสุราและเมรัย ไม่ว่าจะชนิดใดก็ตาม เมื่อเกินพอดีมันก็จะเป็นโทษ ไม่มากก็น้อยครับ