ภาพโดย Free-Photos จาก Pixabay การตามหาเมล็ดกาแฟที่ใช่ก็เปรียบเสมือนกับการตามหาเพื่อนแท้สักคน คนมีมากมายหลากหลาย แตกต่างทั้งสไตล์การแต่งตัว อาหารที่โปรดปราน นิสัยใจคอ บางคนตามหากันอยู่นานกว่าจะเจอคนที่ใช่ กาแฟก็เช่นกัน มีความหลากหลายทั้งชนิดของเมล็ดกาแฟ แหล่งที่มา กระบวนการแปรรูป และการคั่วเมล็ดกาแฟ บทความนี้จะพาคุณไปพบกับสิ่งที่คุณควรรู้ในการตามหาเมล็ดกาแฟที่ใช่ และไม่แน่ว่าหลังจากที่คุณอ่านบทความนี้อยู่ คุณอาจจะเจอเพื่อนแท้คู่โต๊ะทำงานคุณก็ได้ ภาพโดย pixel2013 จาก Pixabay สิ่งสำคัญอันดับแรกที่ควรรู้คือชนิดของกาแฟ ทุกท่านทราบหรือไม่ว่าเมล็ดกาแฟในโลกเรานั้นแบ่งได้เป็น 2 ชนิดสำคัญ คือ อาราบิก้า (Arabica) และโรบัสต้า (Robusta) ความแตกต่างที่สำคัญระหว่างอาราบิก้าและโรบัสต้าคือ ปริมาณของคาเฟอีน โรบัสต้ามีปริมาณคาเฟอีนที่มากกว่าอาราบิก้า ซึ่งมีส่วนทำให้มีรสชาติที่ขมและเข้มข้นกว่า และที่สำคัญคือมีราคาที่ถูกกว่าเนื่องจากดูแลรักษาง่าย และมีจำนวนผลผลิตเมล็ดต่อต้นที่สูงกว่าอาราบิก้า ภาพโดย piviso จาก Pixabay แหล่งที่มาของเมล็ดกาแฟก็มีส่วนสำคัญที่เป็นตัวกำหนดรสชาติของกาแฟเช่นกัน ความสูงจากระดับน้ำทะเล อุณหภูมิ ปริมาณน้ำฝน และความชื้นในแต่ละพื้นที่ ล้วนมีผลกับรสชาติกาแฟทั้งสิ้น เมล็ดกาแฟในแถบแอฟริกานั้นมักจะมีความโดดเด่นในความเปรี้ยวอมหวาน รสสัมผัสที่ค่อนข้างเบา และยังมีความหอมที่โดดเด่นกว่าที่อื่นๆ กาแฟจากทวีปอเมริกากลางและใต้มักจะมีรสชาตินุ่มนวลและสมดุล ไม่เปรี้ยวและขมจนเกินไป จึงขึ้นชื่อเรื่องความดื่มง่าย เหมาะกับผู้เริ่มลองดื่ม สำหรับแหล่งเอเชียนั้นจะค่อนข้างหลากหลาย แต่โดยส่วนใหญ่จะเป็นเมล็ดชนิดโรบัสต้าจึงมีความขมมากกว่า รสสัมผัสเข้มข้น และมีปริมาณคาเฟอีนที่มากกว่าที่อื่นๆ ภาพโดย goiwara จาก Pixabay นอกจากเรื่องของแหล่งกำเนิดแล้ว กระบวนการแปรรูปผลกาแฟ (Coffee processing) ก็ส่งผลต่อรสชาติโดยตรง การแปรรูปโดยทั่วไปแบ่งได้เป็น 3 แบบคือ แบบเปียก (Wet process) แบบแห้ง (Dry process) และแบบกึ่งเปียกกึ่งแห้ง (Honey process) การแปรรูปแบบเปียกจะใช้น้ำในทุกขั้นตอน ซึ่งมีผลทำให้เมล็ดมีความชัดเจนในกลิ่นและรสชาติ และมีการควบคุมคุณภาพได้ง่าย การแปรรูปแบบแห้งนั้นจะใช้วิธีตากแดดให้แห้งโดยไม่ใช้น้ำชะล้างสารต่างๆออกไป กาแฟจากกรรมวิธีนี้จะมีรสชาติที่เข้มข้น และมีลักษณะพิเศษคือทำให้เกิดกลิ่นคล้ายผลไม้สุกหรือกลิ่นคล้ายไวน์ได้ สำหรับการแปรรูปแบบกึ่งเปียกกึ่งแห้งจะคล้ายกับแบบเปียก ต่างกันที่นำไปตากแดดโดยไม่ขัดเมือกออก ซึ่งสิ่งนี้เองที่ทำให้ความหวานของเมือก(เนื้อกาแฟ)ซึมเข้าสู่เมล็ดพร้อมกลิ่นคล้ายผลไม้ ภาพโดย Ken_Lecoq จาก Pixabay ปัจจัยสุดท้ายที่ใช้ตัดสินใจคือ การคั่วเมล็ดกาแฟ การคั่วกาแฟเป็นขั้นตอนที่สำคัญมากในการผลิต เพราะเมื่อผ่านการคั่ว ความร้อนจะทำให้ความหอมและน้ำมันข้างในเมล็ดกาแฟถูกปล่อยออกมา ซึ่งความหอมนี้เองคือสิ่งที่เราคุ้นเคยยามที่เราชงกาแฟ ระดับของการคั่วนั้นแบ่งออกได้คร่าวๆเป็น 4 ระดับดังนี้ Light roast ,Medium roast ,Medium dark roast และ Dark roast โดยแบ่งจากระยะเวลาการคั่ว และการแตกตัวของเมล็ดกาแฟ โดยสรุปการคั่วด้วยระยะเวลาสั้นกว่าจะทำให้รสชาติและกลิ่นดั้งเดิมนั้นเด่นชัด มีปริมาณคาเฟอีนสูงกว่า แต่ระดับการคั่วที่สูงขึ้นจะให้กลิ่นหอมที่ชัดเจน มีความขมมากขึ้น และรสสัมผัสที่เข้มข้น การหาเพื่อนซี้สักคนยังต้องใช้เวลา การเลือกซื้อเมล็ดกาแฟที่ใช่ก็อาจต้องทุ่มทุนกันบ้าง แต่หากค่อยๆเรียนรู้และให้เวลาสักหน่อย สักวันเราต้องเจอกาแฟที่เหมาะกับเราได้แน่นอน หลังจากนี้หวังว่าบทความของผมจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ทุกท่านสามารถเลือกเมล็ดกาแฟที่รสชาติตรงใจกันได้มากขึ้นครับ เรื่องโดย KVN ขอบคุณภาพจาก Pixabay ภาพปก ภาพที่1 ภาพที่2 ภาพที่3 ภาพที่4