การเล่นกีฬาผู้เล่นจะต้องใช้ส่วนของรยางค์ร่างกายไม่ว่าจะเป็นแขนหรือขาทำงานอย่างหนัก โดยจะใช้ส่วนไหนเป็นหลักมักจะขึ้นอยู่กับประเภทของกีฬานั้น ๆ โดยส่วนของร่างกายที่ต้องใช้ในการเล่นกีฬาส่วนใหญ่มักจะเป็นที่ขา เช่น ข้อเท้า ข้อเข่า ส่วนกีฬาที่ต้องใช้แขนส่วนใหญ่มักจะใช้ในส่วนของข้อมือ ข้อศอก และข้อไหล่เป็นหลัก โดยพบว่ากีฬาที่ใช้แขนเป็นหลักจะมีความรุนแรงของอาการบาดเจ็บจากการเล่นกีฬาน้อยกว่ากีฬาที่ใช้ขาเป็นหลัก แต่ขึ้นชื่อว่าเป็นนักกีฬาที่ได้รับบาดเจ็บไม่ว่าจะเป็นการบาดเจ็บที่ตรงไหนก็มักจะเป็นสาเหตุหลัก ๆ ที่จะส่งผลต่อการเล่นกีฬารวมไปถึงการแข่งขันกีฬาได้เหมือนกัน (ภาพถ่ายโดย Matthew Turner จาก Pexels : https://www.pexels.com/th-th/photo/2568551/) กีฬาที่ใช้แขนส่วนใหญ่มักจะได้รับการบาดเจ็บที่ข้อไหล่ และข้อมือเป็นส่วนมาก มีกีฬาบางประเภทที่ใช้งานทั้งข้อไหล่และข้อมือเป็นหลัก แต่มักจะได้รับบาดเจ็บที่ข้อศอกบ่อยที่สุด นั่นก็คือ"กีฬาเทนนิส" ซึ่งเป็นกีฬาที่ต้องใช้งานของแขนเป็นหลักในการตีลูกเทนนิส ซึ่งสาเหตุที่ทำให้เกิดการบาดเจ็บที่ข้อศอกมากกว่าข้อไหล่และข้อมือที่ใช้งานมากกว่า เนื่องจากข้อไหล่และข้อมือสามารถเคลื่อนไหวได้มากกว่าข้อศอก โดยพบว่าขณะที่ผู้เล่นตีลูกเทนนิสที่มีแรงปะทะสูงในท่าที่ใช้หลังมือตีลูกเทนนิสเป็นท่าที่ข้อมืองอเต็มที่(กล้ามเนื้อยืดออกเต็มที่) เมื่อเกิดแรงปะทะจากลูกเทนนิสกับแรงที่ข้อมือที่พยายามต้านกันซ้ำ ๆ ส่งผลให้เอ็นที่เกาะบริเวณข้อศอกทางด้านนอกบาดเจ็บได้ จึงเป็นที่มาของอาการเอ็นข้อศอกทางด้านนอกอักเสบ หรือที่เรียกว่า "Tennis elbow" นั่นเอง (ภาพถ่ายโดย Florian Doppler จาก Pexels : https://www.pexels.com/th-th/photo/3207474/) วิธีป้องกันการบาดเจ็บจากการเล่นเทนนิส 1. การยืดกล้ามเนื้อโดยเฉพาะบริเวณท่อนแขนทางด้านล่างเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่น เนื่องจากพบว่าเมื่อกล้ามเนื้อมีความยืดหยุ่นที่ดีจะมีผลช่วยป้องกันการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อได้ โดยวิธีการยืดกล้ามเนื้อบริเวณท่อนแขนทางด้านล่างทำได้โดยการเหยียดข้อศอกข้างที่ต้องการยืดไปด้านหน้าในลักษณะคว่ำมือ หลังจากนั้นกระดกข้อมือลงจนถึงจุดที่รู้สึกตึงบริเวณหลังท่อนแขนทางด้านล่างค้างไว้ 30 วินาที ทำซ้ำ 10 ครั้ง ตามด้วยการกระดกข้อมือขึ้นจนถึงจุดที่รู้สึกตึงบริเวณท้องแขนทางด้านล่างค้างไว้ 30 วินาที ทำซ้ำ 10 ครั้ง ถ้าหากกระดกข้อมือขึ้นลงจนสุดแต่ไม่รู้สึกตึงให้ใช้มืออีกข้างช่วยดันข้อมือข้างที่ต้องการยืดขึ้นลงจนถึงจุดที่ตึง *แนะนำให้ยืดกล้ามเนื้อทั้งก่อนและหลังการเล่นเทนนิส 2. เพิ่มกำลังกล้ามเนื้อบริเวณต้นแขนทางด้านล่างทั้งทางด้านหน้าและด้านหลัง โดยการออกกำลังกายแบบ weight exercise เป็นการออกกำลังกายโดยมีแรงต้าน เช่น dumbbell ซึ่งนำมาประยุกต์ใช้ได้ง่ายกับท่าออกกำลังกายเพิ่มกำลังกล้ามเนื้อบริเวณท่อนแขนทางด้านล่าง - เพิ่มกำลังกล้ามเนื้อบริเวณหลังท่อนแขนทางด้านล่าง : เหยียดข้อศอกแขนทั้ง 2 ข้างไปด้านหน้าในลักษณะคว่ำมือที่ถือ dumbbell หลังจากนั้นกระดกข้อมือขึ้นช้า ๆ จนสุด - เพิ่มกำลังกล้ามเนื้อบริเวณท้องแขนทางด้านล่าง : เหยียดข้อศอกแขนทั้ง 2 ข้างไปด้านหน้าในลักษณะหงายมือที่ถือ dumbbell หลังจากนั้นกระดกข้อมือขึ้นช้า ๆ จนสุด *เมื่อกระดกข้อมือจนสุดให้ค้างไว้ที่จุดนั้น 5 วินาที ทำซ้ำอย่างน้อย 30 ครั้ง โดยอาจจะแบ่งเป็น 3 set ทำ set ละ 10 ครั้ง เพื่อป้องกันอาการล้าของกล้ามเนื้อ 3. หลีกเลี่ยงการใช้งานซ้ำ ๆ เมื่อเริ่มมีอาการปวด ควรมีช่วงพักให้กล้ามเนื้อมีการปรับตัวหรือฟื้นตัวอย่างเต็มที่ หรือใส่อุปกรณ์ป้องกันเมื่อจำเป็นต้องเล่นเทนนิสหรือแข่งเทนนิส 4. ประคบเย็นบริเวณข้อไหล่ ข้อศอก และข้อมือทุกครั้งหลังเล่นหรือแข่งเทนนิส เนื่องจากความเย็นจะช่วยยับยั้งการบาดเจ็บที่เกิดจากการฉีกขาดเล็ก ๆ ของเนื้อเยื่อจากการใช้งานหนัก ๆ ซ้ำ ๆ ติดต่อกันได้ (ภาพถ่ายโดย : https://www.pexels.com/th-th/photo/3818834/) จะเห็นได้ว่าสำหรับนักกีฬานั้นการบาดเจ็บเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็เป็นเรื่องที่สำคัญ เพราะนักกีฬาแทบจะต้องใช้งานทุกส่วนของร่างกายไม่ว่าจะใช้มากหรือใช้น้อย เพราะฉนั้นการดูแลและการสังเกตร่างกายของตนเองในนักกีฬาเป็นเรื่องที่สำคัญเป็นอย่างมาก เพราะเมื่อร่างการแข็งแรงไม่มีอาการบาดเจ็บมารบกวนใจก็จะส่งผลให้นักกีฬาเล่นหรือแข่งกีฬาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น (ภาพถ่ายโดย Oliver Sjöström จาก Pexels : https://www.pexels.com/th-th/photo/1103828/) (ภาพปกโดย : https://www.pexels.com/th-th/photo/209977/)