(ภาพปกโดยจาก pixabay.com)ปัจจุบันนี้ เว็บไซต์ (Website) เข้ามามีส่วนสำคัญในชีวิตประจำวันของเราอย่างเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่านเจ้าของกิจการ ที่ในยุคปัจจุบันจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องมีเว็บไซต์เอาไว้ เป็นเครื่องมือในการช่วยงานในหลายๆ ด้าน เว็บไซต์เองได้เกิดขึ้นและมีวิวัฒนาการมานับสิบปี แต่ถึงกระนั้นก็ตาม ก็ยังมีเจ้าของกิจการหลายๆ ท่าน ที่เริ่มสร้างเว็บไซต์ขึ้นมาใช้งานอย่างไม่ค่อยเข้าใจและผิดวิธี ด้วยเหตุนี้จึงส่งผลให้หลายๆ เว็บไซต์ไม่สมบูรณ์ และมีปัญหาตามมาไม่มากก็น้อยด้วยปัญหาและเหตุผลที่กล่าวมานี้ ผมจึงมีข้อแนะนำเล็กๆ น้อยๆ ที่จะทำให้ท่านมีชีวิตในการทำงานที่ง่าย และสบายใจยิ่งขึ้น ด้วยการแบ่งแยกเว็บไซต์ออกเป็นองค์ประกอบสำคัญ 4 อย่าง และท่านจะพบว่าควรจะบริหารจัดการเครื่องมืออันทรงคุณค่าที่เรียกว่า “เว็บไซต์” ได้อย่างไร4 องค์ประกอบสำคัญที่ผมเกริ่นนำมานี้ล้วนเป็นพื้นฐานที่เว็บไซต์ไม่ว่าจะซับซ้อน หรือใหญ่โตขนาดไหนก็ตาม ก็จะต้องประกอบด้วย 4 อย่างนี้ทั้งสิ้นคือ...1) “ชื่อโดเมนเนม” (Domain-name) หรือที่หลายคนเรียกว่า “ชื่อเว็บไซต์” (Website)2) “โฮสติ้ง” (Hosting) หรือบางคนเรียกว่า “เซอร์เวอร์” (Server)3) ไฟล์สคริ๊ป หรือโปรแกรมต่างๆ4) ตัวสุดท้ายนี้ก็คือ ข้อมูล (Data) หรือเนื้อหา ที่ท่านต้องการนำเสนอบนเว็บไซต์นั่นเอง ทุกข้อมีความสำคัญแทบจะไม่แพ้กัน ซึ่งจริงๆแล้ว ท่านจะเริ่มต้นทำข้อใดก่อนหรือหลังก็ได้ทั้งนั้นผมขออธิบายความหมายองค์ประกอบแต่ละตัวเพิ่มเติม ดังนี้นะครับ (เครดิตภาพจาก pixabay.com)1 คือ ชื่อโดเมนเมน (Domain-name) ถึงแม้ทั้ง 4 หัวข้อจะสำคัญไม่แพ้กัน แต่ถ้าจะให้คะแนนแล้วละก็ ชื่อโดเมนเนมนี้ก็ดูจะมีภาษีเหนือกว่าหัวข้ออื่นๆพอสมควร เพราะชื่อโดเมนเนมเปรียบเสมือนประตูทางเข้า หากไม่มีชื่อแล้ว ลูกค้าก็ไม่สามารถเข้ามาดูเว็บไซต์ของเราได้เลยดังนั้นถ้าท่านยังไม่รู้จะเริ่มต้นทำอะไรก่อนดี ผมก็ขอแนะนำให้ท่านจดชื่อโดเมนเนมไว้ก่อนเลยเป็นอันดับแรก เพราะโดยหลักการแล้ว ชื่อโดเมนเนมนี้มันมีกฏสำคัญอยู่เพียงข้อเดียวเท่านั้น ก็คือ “ใครจดก่อนก็ได้ไป” ฉะนั้นถ้าหากท่านเจอชื่อดีๆ ก็สามารถจดทิ้งไว้ก่อนก็ได้ ส่วนค่าใช้จ่ายก็จะเสียเพียงไม่กี่ร้อยบาทต่อปี (เครดิตภาพจาก pixabay.com)2 คือโฮสติ้ง (Hosting) มีหน้าที่ในการเก็บข้อมูลทุกสิ่งทุกอย่างบนเว็บไซต์ ดังนั้นโฮสติ้งนี้ ก็เหมือนฝาแฝดที่ต้องอยู่คู่กับโดเมนเนมเสมอเหมือนกับเราจดชื่อทะเบียนบริษัท ก็จะต้องมีออฟฟิสไว้ใช้งาน เป็นตัวเป็นตนนั่นเองโดยท่านสามารถหาเช่าโฮสติ้งได้เป็นรายปี จะจดโดเมนเนมกับอีกบริษัทหนึ่ง แล้วเลือกเช่าโฮสติ้งกับอีกบริษัทหนึ่งก็ได้ หรือจะใช้บริการบริษัทเดียวกันทั้งสองอย่างเลยก็ได้เช่นกันและสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจก็คือ เมื่อเราเอาหัวข้อที่ 1 กับหัวข้อที่ 2 นี้มาผูกกัน เราก็จะได้อีเมลส่วนตัวไว้ใช้งานได้เลยทันที โดยไม่ต้องสร้างเว็บไซต์เลยก็ได้ หลายๆ ท่านก็เลือกใช้วิธีการนี้เพื่อทำให้บริษัทมีความน่าเชื่อถือยิ่งขึ้น อย่างเช่น ท่านจดชื่อโดเมนเนม company.com ไว้เรียบร้อยแล้ว จากนั้นก็หาเช่าโฮสติ้งสักแห่งหนึ่ง แล้วก็นำชื่อโดเมนเนม กับโฮสติ้งที่เราเช่ามาผูกกัน เท่านี้ท่านก็สามารถสร้างอีเมลส่วนตัวสวยๆไว้ใช้งานได้เลย จะตั้งเป็น somchai@company.com ก็ได้ หรือจะตั้งเป็น sales@company.com ก็ได้เช่นกันซึ่งก็ดูเป็นมืออาชีพเหมาะกับการทำธุรกิจเป็นอย่างยิ่งครับ (เครดิตภาพจาก pixabay.com)3 ก็คือไฟล์โปรแกรมหรือไฟล์สคริ๊ปต่างๆ ที่อยู่บนโฮสติ้งซึ่งก็มีหน้าที่คอยควบคุม และจัดการข้อมูลบนเว็บไซต์ ให้ถูกต้องและสวยงามตามที่เราต้องการ ไฟล์โปรแกรมหรือไฟล์สคริ๊ปที่ผมว่ามานี้ ก็จะมีหลายๆนามสกุล ตามการใช้งาน เช่น ไฟล์ HTML, ไฟล์สไตล์ชีท (stylesheet), ไฟล์จาวาสคริ๊ป (javascript), ไฟล์ PHP ฯ เป็นต้นตัวอย่างที่เห็นเด่นชัด ก็เช่น Wordpress, Joomla ฯ ซึ่งไฟล์ทั้งหมดนี้เป็นโปรแกรมเว็บสำเร็จรูป ที่มีให้โหลดใช้งานฟรี เป็นโปรแกรมที่เขียนด้วยภาษา PHP โดยท่านนำไปติดตั้งบนโฮสติ้ง ก็สามารถใช้งานได้ทันที (เครดิตภาพจาก pixabay.com)4 ก็คือข้อมูลเนื้อหา หรือ Data นั่นเองเรื่องของข้อมูลนี้ก็จะรวมไปถึง ไฟล์รูปภาพ ไฟล์วีดีโอ ไฟล์ PDF และไฟล์ต่างๆที่เราเห็นๆ กันอยู่อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างหนึ่งก็คือสำหรับเว็บไซต์ที่มีเนื้อหา ไม่ซับซ้อน และข้อมูลไม่มากมายนัก อาจจะไม่ต้องเขียนโปรแกรมภาษาต่างๆให้มันยุ่งยาก นั่นก็คือไม่จำเป็นต้องใช้โปรแกรม PHP เลยก็ได้ท่านเพียงแต่พิมพ์เนื้อหาข้อมูลของท่าน ลงบนเท็กไฟล์ธรรมดา เช่น บนโน้ตแพด (Notepad) แล้วก็จัดรูปแบบหน้าเว็บเพจให้สวยงามด้วยภาษา HTML ผสมกับภาษา CSS (Cascading Style Sheets)ท่านก็สามารถได้เว็บไซต์ ได้อย่างง่ายดาย และพร้อมใช้งานในระยะเวลาอันสั้น สุดท้ายผมก็ปราถนาให้ท่านได้ผ่อนคลาย และอย่าได้กังวลหากเกิดปัญหาต่างๆเกี่ยวกับเว็บไซต์ โดยให้ท่านค่อยๆ ปรึกษาผู้รู้และศึกษาไปทีละอย่าง อย่ารวบรัดใจเร็วจนเกินไป ซึ่งถ้าท่านทำตามที่ผมกล่าวไว้ได้ ท่านก็จะได้เว็บไซต์ส่วนตัวพร้อมใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด