ไลฟ์แฮ็ก

4 ข้อที่จะทำให้คุณเรียนออนไลน์ไม่รู้เรื่อง

3.1k
คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
4 ข้อที่จะทำให้คุณเรียนออนไลน์ไม่รู้เรื่อง

เรียนออนไลน์

การเรียนออนไลน์ หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า การเรียนที่บ้าน เป็นความฝันของเด็กๆ หลายๆ คนไปแล้วครับเพราะการเรียนประเภทนี้ เด็กจะต้องอยู่ที่หน้าจอมือถือ คอมพิวเตอร์ หรือ โทรทัศน์ตลอดเวลา ซึ่งนั้นก็เป็นกิจวัตรประจำวันของน้องๆ หนูๆ ในสมัยนี้อยู่แล้วครับ และการเข้ามาของการเรียนออนไลน์ทำให้เด็กๆ ไม่ต้องตื่นเช้าเพื่อที่จะไปเข้าแถวเคารพธงชาติให้ทันเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ทำให้เด็กมีเวลาพักมากขึ้น ที่กล่าวมาทั้งหมดดูจะสวยหรูไปทั้งหมดใช่ไหมล่ะครับ แต่ที่จริงแล้วการเรียนออนไลน์ก็มีอุปสรรคอยู่ไม่ใช่น้อยเลยทีเดียว และอาจจะทำให้คุณเรียนไม่รู้เรื่องเลยก็เป็นได้ ฉะนั้นในบทความนี้ผมขอนำเสนอ 4 ข้อที่จะทำให้คุณเรียนออนไลน์ไม่รู้เรื่อง และข้อมูลทั้งหมดที่ผมนำมาเล่าในบทความนี้เป็นประสบการณ์ตรงของผมที่ได้มีส่วนร่วมในการทดสอบระบบการเรียนออนไลน์ของสถานศึกษาของผมเอง ผมจึงขอหยิบยกประสบการณ์ตรงนี้มาเล่าให้ทุกคนฟัง เพื่อนำไปปรับให้การเรียนออนไลน์ของลูกหลานคุณมีประสิทธิภาพมากขึ้นครับ

Advertisement

Advertisement


ความวุ่นวาย

ความวุ่นวาย

แน่นอนครับว่าการเรียนออนไลน์นั้นเป็นเรื่องใหม่สำหรับเด็กไทย การที่จะเข้าไปเรียนแบบทันทีทันใดมันก็จะแปลกหูแปลกตาไปสักนิดนึง ให้นึกถึงการเข้าไปในห้องๆ หนึ่งที่มีนักเรียนเข้าไปเป็นจำนวนมาก และทุกคนที่อยู่ในห้องนั้นพูดเสียงดังกันทุกคน ในทำนองเดียวกัน การที่คุณเข้าไปในห้องที่มีการจัดการเรียนการสอนออนไลน์แล้วทุกคนเปิดไมค์ ความวุ่นวายบังเกิดแน่นอนครับ เสียงทุกคนจะทับซ้อนกันจนฟังไม่รู้เรื่อง และเสียงรบกวนในบ้านของนักเรียนทุกๆ คนที่ติดเข้ามาในไมค์ เช่นเสียงรถขับผ่าน เสียงคนในบ้าน และโดยเฉพาะอย่างยิ่งเสียงลมเป็นตัวอันตรายที่สุดในการพูด เพราะจะทำให้คู่สนทนาของเราปวดหูเป็นอย่างมาก ผมแนะนำว่าก่อนที่จะเรียนหรือจะประชุมออนไลน์อะไรก็แล้วแต่ ให้จัดวางไมค์ไว้ไม่ให้โดนลม และเข้าไปอยู่ในห้องที่เงียบๆ และไม่ก้องจนเกินไป ส่วนเรื่องการปิดเปิดไมค์ของนักเรียนในห้องเรียน ส่วนนี้ต้องขึ้นอยู่กับครูผู้สอนแล้วครับว่าจะจัดการอย่างไร แต่ที่ผมทำประจำคือเข้าไปในห้องแล้วปิดไมค์ พอเวลาครูสั่งให้พูด ค่อยเปิดไมค์ อย่างนี้น่าจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดครับ

Advertisement

Advertisement

ปุ่มปิดไมค์และปิดกล้องใน Google meet

(ปุ่มปิดไมค์และปิดกล้องใน Google Meet)


เรียนไม่ทัน

เรียนไม่ทัน

อย่างที่กล่าวไปข้อที่แล้วครับว่าการเรียนออนไลน์เป็นเรื่องที่แปลกใหม่สำหรับเด็กไทย สิ่งที่จะตามมาอย่างเลี่ยงไม่ได้เลยก็คือ อาการเรียนไม่ทัน อาการนี้เกิดขึ้นเพราะหลายๆ ปัจจัยครับไม่ว่าจะเป็น สภาพแวดล้อมภายในบ้านที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการเรียน ความแรงอินเตอ์เน็ตที่ช้าเกินทำให้การเรียนไม่ลื่นไหล และอีกเหตุผลหนึ่งที่สำคัญที่สุดเลยคือ ครูสอนเร็วเกิน สถานการณ์แบบนี้เกิดขึ้นเป็นปกติกับครูที่พึ่งเคยสอนออนไลน์เป็นครั้งแรก อาจจะรู้สึกไม่คุ้นไปบ้างเพราะการสอนทุกทีต้องมีนักเรียนอยู่ตรงหน้าครูเสมอ และครูสามารถเห็นปฏิกิริยาของนักเรียนได้ว่านักเรียนมีท่าทีอย่างไร แต่การเรียนออนไลน์กลับเป็นสิ่งที่ตรงข้ามที่ครูจะต้องสอนแบบหน้ากล้องโดยไม่เห็นท่าทางของนักเรียน จึงไม่สามารถรู้ได้ว่านักเรียนเข้าใจหรือไม่ กรณีนี้ก็ต้องใช้การฝึกฝนพอสมควรครับ แต่ถ้าพูดในมุมมองของผมเอง ผมมองว่านักเรียนจำเป็นต้องตั้งใจในระหว่างเรียนด้วย เพราะถ้าให้ครูสอนอยู่ฝ่ายเดียว การเรียนครั้งนั้นก็คงล้มเหลวแล้วล่ะครับ

Advertisement

Advertisement


กิเลสรอบตัว

้กิเลสรอบๆ ตัว

โดยปกติแล้วบ้านเป็นสถานที่ที่เราเอาไว้พักผ่อนจากการทำงาน การเรียน แต่พอมีการเรียนออนไลน์เข้ามาจากที่เป็นสถานที่ที่เอาไว้พักผ่อน ก็ต้องใช้บ้านเป็นโรงเรียนด้วย นี่แหละครับคือจุดเริ่มต้นของปัญหาสิ่งที่จะตามมาก็คือ ใจของคุณจะไม่จดจ่ออยู่กับการเรียน แต่จะจดจ่ออยู่ที่นาฬิกาว่า เมื่อไรจะได้พักสักที อยากเล่นเกม อยากฟังเพลง อยากออกกำลังกาย กิเลสเหล่านี้เกิดขึ้นจากสิ่งแวดล้อมภายในห้องๆ นั้นครับ วิธีแก้ไขเบื้องต้นก็คือ จัดสถานที่เรียนให้ดี โดยจะต้องเป็นห้องเงียบๆ ไม่มีสิ่งดึงดูดความสนใจจากเด็กเช่น ของเล่น เครื่องเกมคอนโซล เครื่องดนตรี อะไรทำนองนี้ อย่าจัดห้องให้ห่างจากจุดปล่อยสัญญาณอินเตอร์เน็ตจนเกินไป และที่สำคัญที่สุด ปิดการแจ้งเตือนในเครื่องมือสื่อสารทั้งหมดระหว่างเรียน เพื่อที่จะไม่ไปรบกวนสมาธิของผู้เรียนเองครับ


ง่วง

ง่วง

การเรียนที่เหน็ดเหนื่อยและติดต่อกันนานๆ หลายชั่วโมงนั้นเป็นเรื่องปกติและนักเรียนสามารถรับมือในโรงเรียนครับ แต่ที่นี่ไม่ใช่โรงเรียน นี่คือบ้าน ดังนั้นการเรียนที่หักโหมและติดต่อกันหลายๆ ชั่วโมงแล้วเป็นที่บ้านด้วยเนี่ย อาการง่วงเกิดขึ้นเป็นธรรมดาครับ อาจจะเกิดขึ้นเพราะความไม่ชินกับการเรียนออนไลน์นานๆ ติดต่อกันหลายชั่วโมง เพราะถ้าหากเรามองกลับไปที่โรงเรียน เวลาเราง่วงๆ ก็จะมีครูนี่แหละครับที่จะคอยเตือนให้เราตื่นอยู่ตลอดเวลา แต่ที่บ้านไม่มีครูคอยเตือน การที่จะแก้ปัญหานี้ได้ก็ขึ้นอยู่กับผู้ปกครองและตัวเด็กเองครับ ว่าจะจัดการกับปัญหานี้อย่างไร วิธีที่ไม่ควรทำที่สุดคือการให้เด็กรับประทานกาแฟ เพราะจะส่งผลต่อการทำงานกับสมองของเด็กได้ วิธีที่ดีที่สุดคือตั้งใจเรียนให้ได้มากที่สุด ก็คงต้องขึ้นอยู่กับตัวเด็กและล่ะครับว่าจะทำได้ดีแค่ไหน


เป็นอย่างไรกันบ้างครับสำหรับอุปสรรคทุกข้อที่ผมนำมาฝากกันในบทความนี้ 4 ข้อที่ผ่านมานั้นไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะการเรียนออนไลน์เท่านั้นนะครับยังเกิดขึ้นกับการประชุมทางไกลอีกด้วย ก็ขอให้ระมัดระวังตรงจุดทั้ง 4 จุดนี้ให้ดีนะครับ สุดท้ายนี้ก็ขอให้ทุกคนตั้งใจทำงานที่บ้านกันให้ดี หาเวลาพัฒนาตัวเองบ้าง ถึงแม้จะมีอุปสรรคมาขวาง แต่ผมเชื่อว่าหากคุณตั้งใจ คุณทำมันสำเร็จแล้วครับ ขอให้โชคดีกับวิกฤครั้งนี้ครับ

สวัสดีครับ

ภาพหน้าปก:freepik
ภาพ1:freepik
ภาพ3: ภาพโดยผู้เขียน
ภาพ4: freepik
ภาพ4: freepik

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์