แผ่นไม้รูปร่างต่างๆ เป็นสิ่งที่นักท่องเที่ยวจะได้เห็น ถูกผูกเรียงรายไว้ที่ศาลเจ้าหรือวัดในประเทศญี่ปุ่นแทบจะทุกวัด ซึ่งแผ่นไม้เหล่านี้คือ "แผ่นไม้ขอพร" หรือ ภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า "เอะมะ" มีประวัติความเป็นมาคู่กับวัฒนธรรมญี่ปุ่นมาอย่างยาวนาน1. รูปแบบของเอะมะส่วนใหญ่เป็นรูป 5 เหลี่ยม บางแห่งเป็นวงกลม, สามเหลี่ยม, รูปการ์ตูน และรูปอื่นๆ ด้านหน้าวาดรูปต่างๆ ไว้ เช่น ม้า สัตว์อื่นๆ และดอกไม้ ส่วนด้านหลังเว้นว่างไว้ให้เขียนข้อความขอพรเอะมะอาจมีรูปแบบแตกต่างกันไปตามความเชื่อมโยงของศาลเจ้า เช่น ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ หรือ วัดเสาแดง ที่เกียวโต เอะมะก็จะเป็นรูปเสาแดง หรือ ประตูโทริ และที่ศาลเจ้าฟูชิมิ อินาริ ไทฉะ หรือ ศาลเจ้าพ่อจิ้งจอกขาว เอะมะก็เป็นรูปหน้าสุนัขจิ้งจอกสีขาว2. ความหมายของเอะมะแปลตรงตัวตามภาษาญี่ปุ่น "เอะมะ" คือคำ 2 คำที่แปลว่า "ม้า" และ "รูปภาพ" สมัยโบราณคนญี่ปุ่นจะทำบุญด้วยม้า คือนำม้ามาถวายวัด เพราะม้าเป็นสัตว์ที่มีประโยชน์มากในสมัยก่อน ใครทำบุญด้วยม้าเชื่อว่าจะได้บุญมากเมื่อเวลาผ่านไปตามยุคสมัยก็เปลี่ยนแปลงการทำบุญเป็นการถวายแผ่นไม้ที่วาดรูปม้าลงไป "เอะมะ" ในยุคถัดมาจึงเป็นแผ่นไม้ที่มีรูปม้าอยู่บนนั้น และเปลี่ยนเป็นรูปแบบอื่นๆ ในสมัยถัดมากระทั่งกลายเป็นการถวายแผ่นไม้ที่มีข้อความขอพรต่างๆ ในปัจจุบัน คนญี่ปุ่นเชื่อว่า การเขียนคำขอพรลงบนเอะมะแล้วแขวนไว้ เทพเจ้าจะรับรู้และให้พรนั้นกับผู้เขียนสมปรารถนา 3. วิธีบูชาเอะมะ ศาลเจ้าของศาสนาชินโตในญี่ปุ่น จะมีจุดถวายเอะมะ ซึ่งจะมีแผ่นป้ายไม้เปล่าๆ จำหน่าย เราสามารถเขียนข้อความขอพรอะไรก็ได้ลงไป เช่น ด้านสุขภาพ ความรัก การเงิน โชคลาภ การเรียน การสอบ พร้อมกับลงชื่อของเราไว้ ซึ่งจะเขียนเป็นภาษาญี่ปุ่น ไทย หรือ อังกฤษก็ได้ เขียนแล้วก็นำไปผูกไว้ที่จุดถวายเอะมะซึ่งเมื่อเราจ่ายเงินแล้วจะไม่ถวายก็ได้ เพราะสามารถนำกลับไปเก็บไว้กับตัวเพื่อเสริมโชคลาภ เป็นเครื่องรางอย่างหนึ่งก็ได้เช่นกัน ซึ่งเงินที่เราจ่ายไปก็ถือเป็นการทำบุญเพราะถูกนำไปบำรุงวัดและศาลเจ้าต่อไปบางคนกล่าวว่า เมื่อขอพรด้วย "เอะมะ" แล้วส่วนใหญ่สมหวังได้จริงทุกคน ไม่ใช่แค่เพราะเทพเจ้าอวยพร แต่เพราะได้เขียนความตั้งใจและความมุ่งมั่นลงไปบนเอะมะ เป็นแรงกระตุ้นและผลักดันให้ทำได้สำเร็จตามเป้าหมาย ...ดังนั้น พรใดๆ จะเป็นจริงก็อยู่ที่การกระทำของทุกคนนั้นเองภาพและเรื่อง: Sandtar