สวัสดีค่ะ ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 นี้ คุณพ่อ คุณแม่หลายท่านก็คงจะปวดหัววุ่นวายกับเด็ก ๆ ที่บ้านไม่น้อยเลยใช่ไหมล่ะคะ บทความนี้มัรยัมรวบรวมข้อมูลทางจิตวิทยาเด็ก จากคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล มาฝากกันค่ะ ไปดูเลยดีกว่าว่ามีอะไรบ้าง (ภาพจาก Pixabay) จิตวิทยาเด็กที่ คุณพ่อ คุณแม่แบบเราสามารถนำมาปรับใช้ ในการดูแลลูกน้อยในช่วงสถานการณ์โควิด-19 นี้ได้ง่าย ๆ มัรยัมแบ่งออกให้เป็น 3 ด้านใหญ่ ๆ ดังนี้ค่ะ การดูแล การสื่อสาร การอบรม และใน 3 ด้านนี้มีรายละเอียดอย่างไรบ้างล่ะ (ภาพจาก Pixabay) 1. วิธีการดูแลลูกน้อยวัย 1-3 ปี ลูกน้อยในวัย 1-3 ปีจะมีความต้องการทางด้านจิตใจคือ ต้องการความรักความอบอุ่น การดูแลเอาใจใส่ ความรู้สึกเป็นที่รัก เป็นที่ต้องการ และความรู้สึกมั่นคงปลอดภัยจากพ่อแม่ หรือ ผู้เลี้ยงดู 1.1 ความรัก ความอบอุ่น คุณพ่อ คุณแม่ หรือ ผู้เลี้ยงดูควรให้ความรัก ความอบอุ่นกับลูกน้อยในวัยนี้โดยการกอด หรือ อุ้มลูกบ่อย ๆ ดูแลเอาใจใส่ อย่าเผลอเอาอารมณ์หงุดหงิดมาใส่ลูก เพราะอาจจะทำให้ลูกน้อยคิดว่าเราไม่รัก ไม่ต้องการ หรือคิดว่าเราจำใจต้องเลี้ยงดูเขา ซึ่งจะส่งผลเสียต่อพัฒนาการทางด้านอารมณ์ของลูกเมื่อเติบโตขึ้น (ภาพจาก Pixabay) 1.2 ความมั่นคงปลอดภัย เด็กในวัยนี้ต้องการความรู้สึกมั่นคงปลอดภัยจาก พ่อ แม่ ดังนั้น พ่อ แม่ หรือ ผู้เลี้ยงดูจะต้องทำให้เด็กได้รับความรู้สึกว่าเราสามารถปกป้องเขาได้ 1.3 ความสะอาด ลูกน้อยในวัยนี้ยังไม่สามารถดูแลตัวเองในเรื่องความสะอาดได้ คุณพ่อ คุณแม่จะต้องหมั่นทำความสะอาดร่างกาย ล้างมือให้ลูกน้อยอยู่เป็นประจำเพื่อป้องกันเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายเด็ก (ภาพจาก Pixabay) 2. วิธีการสื่อสารกับลูกน้อย วิธีการพูด หรือ การสื่อสารกับลูกนั้นมีความสำคัญมาก มัรยัมมองว่ามันเป็นศิลปะแขนงหนึ่งเลยทีเดียว 2.1 ใช้ชื่อลูกอยู่เสมอ เมื่อต้องการสื่อสารกับลูกให้ คุณพ่อ คุณแม่ เรียกชื่อลูกก่อนทุกครั้งเพื่อดึงความสนใจลูกให้หันมาฟังเราก่อน จึงค่อยเริ่มพูด 2.2 พูดให้เข้าใจง่าย กระชับ เด็กวัยนี้สามารถฟังและเข้าใจ ประโยคง่าย ๆ กระชับ เช่น เราต้องการจะบอกลูกเกี่ยวกับเรื่องไวรัสโควิด-19 ก็ให้เลือกใช้คำง่าย ๆ อาจจะให้ลูกดูภาพเชื้อไวรัสแล้วอธิบายว่านี่คือเชื้อโรคที่เรามองไม่เห็น และถ้าลูกไปสัมผัสมันเข้า มันจะทำให้ลูกไม่สบาย ดังนั้นลูกจึงต้องระมัดระวัง และรักษาความสะอาดอยู่เสมอ (ภาพจาก Pixabay) 2.3 ยื่นข้อเสนอให้ลูกเลือก เมื่อต้องการให้ลูกทำตาม เพื่อให้ลูกรู้สึกมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ จะทำให้ลูกอยากทำตามที่เราต้องการได้ง่ายขึ้น เช่น วันนี้ลูกอยากใส่หน้ากากผ้าลายแมวสีฟ้า หรือ ลายจุดสีชมชมพู ดีคะ 2.4 อ่อนโยนแต่เด็ดขาด ข้อนี้ คุณพ่อ คุณแม่จะต้องไม่ทำให้ลูกสับสนนะคะ เช่น เมื่อบอกให้ลูกล้างมือก่อนรับประทานอาหาร คุณพ่อ คุณแม่ก็จะต้องทำเป็นแบบอย่างด้วย โดยทุกคนในบ้านก็จะต้องทำไปในทิศทางเดียวกัน แบบนี้ลูกก็จะเข้าใจที่เราสื่อสารได้เป็นอย่างดีค่ะ (ภาพจาก Pixabay) 3. วิธีการอบรม เด็กวัย 1-3 ปี สามารถเข้าใจเหตุผลที่ไม่ซับซ้อนได้ เช่น เราบอกว่าลูกว่า ช่วงนี้ลูกควรอยู่แต่ในบ้าน เพราะถ้าออกไปเที่ยวข้างนอก ลูกอาจจะได้รับเชื้อโรคทำให้ไม่สบายได้ แค่นี้ลูกก็เข้าใจได้แล้วค่ะ 3.1 ใช้เหตุผล ตรงไปตรงมา ไม่ควรหลอกให้ลูกกลัว อธิบายตามความจริงสั้น ๆ เข้าใจได้ง่าย 3.3 ให้แสดงความคิดเห็นและความรู้สึก พ่อ แม่ควรถามความรู้สึกของลูก เช่น เรื่องอาหารทีเพิ่งได้รับประทานไป ลูกชอบแบบไหบ ไม่ชอบแบบไหน เพราะอะไร อย่างนี้ เป็นต้น 3.4 ใช้สิ่งทดแทน เช่น เมื่อลูกน้อยร้องไห้ งอแง อยากจะออกไปเล่นนอกบ้าน พ่อแม่ก็อาจจะหาสิ่งทดแทน โดยการชวนลูกเล่นในบ้าน หรือชวนอ่านนิทานให้ฟังแทน (ภาพจาก Pixabay) รู้แบบนี้แล้ว คุณพ่อ คุณแม่ก็คงจะพอเบาใจลงบ้างแล้วใช่ไหมล่ะคะ ก็ลองนำไปปรับใช้กันดูค่ะ แต่อย่าลืมว่าเด็กในวัยนี้จะมีพฤติกรรมเลียนแบบผู้ใหญ่ที่อยู่ใกล้ชิด โดยจะดูที่การกระทำของเรามากว่าจะเชื่อฟังคำพูด ดังนั้นสิ่งสำคัญคือ เราจะต้องเป็นแบบอย่างที่ดีให้ลูกด้วยนะคะ แล้วพบกันใหม่ในบทความหน้าของมัรยัมค่ะ