สตีเฟน คิง (Stephen King) ผู้เขียนขอเรียกสั้น ๆ ว่า “ป๋าคิง” ราชานักเขียนชาวอเมริกันที่โด่งดังจากการเขียนนวนิยายแนวสยองขวัญ, ระทึกขวัญ และ อื่นๆ มาแล้วมากกว่า 60 เล่ม โดยถือคติว่า “อย่าได้ปราณีผู้อ่าน” ถ่ายทอดจินตการที่เรียบเรียงผ่านตัวหนังสือ ทำให้ตราตึงผู้อ่านและเป็นที่น่าสนใจของผู้กำกับหลาย ๆ คน จึงมีการดัดแปลงนวนิยายเรื่องต่าง ๆ สู่จอภาพยนตร์ให้เราได้รับชมกันหลายเรื่องเลยทีเดียว ชื่อเสียงเรียงนามของป๋าคิงได้ฝากผลงานเด็ด ๆ มาอย่างยาวนานไม่ว่าจะเป็นผลงานระดับตำนานอย่าง The Shining (1980) โรงแรมผีนรกภาพยนตร์สยองขวัญเหนือธรรมชาติ เจ้าของวลีเด็ด “Here’s Johnny!” และผลงานต่อมาอย่าง Misery (1990) อ่านแล้วคลั่ง ภาพยนตร์ที่ทำเอาหายใจไม่ทั่วท้องเช่น และถือเป็นผลงานแจ้งเกิดให้กับ Kathy Bates เช่นเดียวกัน สิ่งที่พิสูจน์ว่าผลงานของป๋าคิงนั้นอยู่เหนือกาลเวลาที่สุดก็น่าจะเป็นการที่ผู้กำกับหลายคนนำเอานิยายของเขากลับมาปัดฝุ่นใหม่อย่าง It (2017) อิท…โผล่จากนรก, Pet Sematary (2019) กลับมาจากป่าช้า, และล่าสุดกลับ Doctor Sleep (2019) ลางนรก เรื่องราวภาคต่อของตำนาน The Shining ด้วยเหตุที่ว่ามีภาพยนตร์ที่ดัดแปลงจากงานเขียนของป๋าคิงมากมายเหลือเกินทำให้หลายๆ คนรู้จักป๋าคิงจากภาพยนตร์ก่อนหนังสือของขาเสียอีก สำหรับวันนี้ผู้เขียนขอพูดถึงภาพยนตร์ของ Netflix Original ที่ดัดแปลงจากปลายปากกาของ สตีเฟน คิง หากพร้อมแล้วเปิด TrueiDTV แล้วค้นหาชื่อหนังเหล่านี้บน Netflix ได้เลย! 1. 1922 (2017) รับชมภาพยนต์เรื่องนี้ย้อนกลับไปในปี 1922 ในชีวิตของเกษตรกรหนุ่มที่ชื่อ วิลเฟร็ด เจ้าของฟาร์มใหญ่โตที่อาศัยอยู่กับภรรยาและลูกชายวัยหัวเลี้ยวหัวต่ออย่างมีความสุข…แต่ว่า ถ้ามีความสุขเฉย ๆ หล่ะก็คงไม่ได้มาอยู่ใน List ที่ผมจะมานำเสนออย่างแน่นอน โดยในส่วนของภรรยานั่นกลับไม่พิสมัยในการใช้ชีวิตแบบชาวไร่ และอยากจะขายไร่ทั้งหมดไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ในเมือง ซึ่งขัดกับสามีที่รู้สึกภาคภูมิใจเป็นอย่างมากและมีทัศนคติว่าในเมืองเต็มไปด้วยผู้คนที่โง่เขลา ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้เกิดปากเสียงกันบ่อยครั้ง หนักข้อขึ้นจนถึงขั้นที่ภรรยาขู่จะขอหย่าและจะพาลูกชายไปกับเธอด้วย ด้วยความหยิ่งยโสบวกกับความโมโหอีกทั้งความเครียดสะสมของวิลเฟร็ด ทำให้เขาคิดแผนการฆาตกรรมภรรยาอย่างโหดเหี้ยมและมีผู้ช่วยเป็นลูกชายของตัวเองอีกด้วย ! หลังจากนั้นสองพ่อลูกที่กุมความลับอันดำมืดไว้ร่วมกัน วันต่อมาพวกเขาตัดสินใจทิ้งความลับนี้ไว้แล้วดำเนินชีวิตต่อไปตามปกติ แต่พวกเราต่างรู้ดีว่าคุณหลอกตัวเองไม่ได้ อดีตที่เคยมีร่วมกันนั่นมันไม่ได้ถูกทิ้งมันไว้ข้างหลัง แต่กลับตามหลอกหลอนและเปลี่ยนชีวิตของพ่อลูกคู่นี้ไปตลอดกาล จุดเด่น: หากใครเป็นแฟนหนังสยองขวัญอยู่แล้วละก็ต้องคุ้นหน้าพระอย่างของเรื่องอย่าง โทมัส เจน (Thomas Jane) ที่ฝากผลงานมาแล้วอย่าง The Mist มฤตยูหมอกกินมนุษย์ อีกหนึ่งผลงานที่ดัดแปลงมาจากนิยายสั้นของป๋าคิง ผลงานขิ้นนี้ก็ไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน ตัวภาพยนต์มีความโหดร้ายสะท้อนด้านมือของจิตใจมนุษย์ผ่านตัวละครชายวิลเฟร็ดที่เราจะได้เห็นทั้งการกระทำที่เขาแสดงออกมาและเสียงภายในจิตใจผ่านการบรรยายตลอดทั้งเรื่อง งานภาพเป็นภาพแบบย้อนยุคทำออกมาได้สวยงาม จุดด้อย: การดำเนินเรื่องในบางช่วงบางตอนยังขาดสเน่ห์ ถึงแม้ว่าตัวภาพยนตร์จะมีความยาวอยู่ที่ชั่วโมงกว่าๆ แต่เพราะการดำเนินเรื่องทำให้รู้สึกเนิบช้าในระดับนึง 2. Gerald’s Game (2017) รับชมภาพยนต์เรื่องนี้เจอร์รัล และ เจสซี่ สองคู่รักที่เข้าสู่วัยชราทั้งสองได้ใช้ชีวิตคู่กันมาอย่างยาวนาน จนวันนึงเจอร์รัลเกิดมีไอเดียอยากจะเติมรักเต็มร้อยให้กับภรรยาสุดที่รักของเขา โดยการพาเธอไปยังบ้านพักต่างอากาศริมทะเลที่ห่างไกล (แต่ไม่ห่างรัก) เมื่อถึงเวลาบรรเลงเพลงรักบนเตียงของทั้งคู่ เจอร์รัลก็แอบมีของขวัญสุดเซอร์ไพรส์ โดยการรับบทผู้ร้ายที่จะเข้ามาข่มขืนเจสซี่พร้อมกับทำการพันธนาการมือทั้งสองข้างของเจสซี่ด้วยกุญแจมือ แต่การบรรเลงเพลงรักของทั้งคู่ก็มีอันต้องสะดุดลง เนื่องจากเจสซี่นั้นไม่รู้สึกสนุกกับการสวมบทบาทของสามีเป็นอย่างมาก แถมมันทำให้เธอกลัวเสียด้วยซ้ำ เธอจึงพยายามทุกวิถีทางเพื่อหยุดเกมรักของเจอร์รัลในครั้งนี้จนสำเร็จ แต่เห็นผลเกินคาด... อาจเป็นเพราะเธอขัดขืนแรงไปจนทำให้เจอร์รัลหัวใจวายตายไปต่อหน้าต่อตาเธอโดยทันที… ไม่ว่าเจสซี่จะพยายามกรีดร้องขอความช่วยเหลือดังแค่ไหน แต่ก็เหมือนว่าจะไม่มีใครได้ยินเสียงเธอ ตอนนี้มีแค่เจสซี่ และบ้านพักต่างอากาศที่ไม่ล็อกประตูไว้ พร้อมกับศพสามีของเธอ จากเกมรักสุดสยิวของเจอร์รัลกลายเป็นเกมเอาชีวิตรอดสุดหลอนของเจสซี่ขึ้นมาทันทีจุดเด่น: อีกหนึ่งภาพยนตร์ (สถาน)ที่เดียวก็เสียวได้ ถึงแม้เกือบทั้งเรื่องเกิดในสถานที่เดียว แต่ภาพยนตร์ก็สามารถถ่ายถอดความอึดอัด และ ไม่น่าไว้ใจได้อย่างหนาวเหน็บเพื่อนำเสนอจิตใจของตัวละครที่ถูกหลอกหลอนโดยความกลัวได้อย่างดี นอกจากนี้ยังให้ข้อคิดดีๆ เกี่ยวกับเพศหญิงอีกด้วย จุดด้อย: สายโหดอาจจะไม่ถูกในสิ่งนี้ เพราะเรื่องภาพความโหดถือว่าน้อยมาก โดยจะใช้เทคนิคการพูดถึงของตัวละครให้ผู้ชมได้จินตนาการกันเอาเองซะส่วนใหญ่ 3. In the Tall Grass (2019) รับชมภาพยนต์เรื่องนี้เบคกี้ สาวท้องแก่ที่กำลังเดินทางไปต่างเมืองกับ คาล พี่ชายของเธอ แต่แล้วจู่ ๆ เธอก็เกิดอาการคลื่นไส้ขึ้นมาทำให้คาลต้องจอดรถหน้าสถานที่ที่ดูเหมือนโบสถ์ร้างแห่งหนึ่ง บริเวณโดยรอบปกคลุมไปด้วยพงหญ้าที่สูงกว่าตัวคนเสียอีก ท่ามกลางแดดที่ร้อนระอุก็มีเสียงร้องขอความช่วยเหลือจากเด็กชายดังขึ้น “ช่วยด้วย! ผมหลงอยู่ในนี้!” คาลและเบคกี้จึงเลือกจะเดินเข้าไปในโพรงหญ้าเพื่อที่จะช่วยเหลือเด็กน้อยผู้หลงทางที่แนะนำตัวอย่างไม่เห็นหน้าว่าเขาชื่อโทบิน… ทว่าทั้งสองเกิดพลัดหลงกันเอง ทำให้เบคกี้ตระหนักได้ว่ามีบางอย่างที่ไม่ชอบมาพากลในพงหญ้าแห่งนี้ นอกจากนั่นเบคกี้ไม่ได้แค่ได้ยินเสียงเด็กน้อยและคาลเท่านั้น แต่เธอยังได้ยินเสียงผู้หญิงอีกหนึ่งคนและเสียงของผู้ชายอีกหนึ่งคน ยิ่งกว่านั้นคือเบคกี้ยังได้ยินเสียงของ ทราวิส ซึ่งเป็นแฟนเก่าของเธอและยังเป็นพ่อของเด็กในท้องอีกด้วย ทั้งหมดนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของเรื่องราวอันแปลกประหลาดในพงหญ้าพิศวงแห่งนี้จุดเด่น: ดัดแปลงมาจากผลงานเขียนร่วมกับ โจ ฮิลล์ (Joe Hill) ลูกชายของป๋าคิง หากคุณเป็นแฟนหนังสือก็ป๋าคิงหล่ะก็ จะต้องรู้ป๋าไม่ได้เก่งแค่เรื่องสร้างความสยองแต่เพียงเท่านั้น ป๋ายังเก่งในสร้างความแปลกอีกกด้วย เพราะหนึ่งในสิ่งที่ก่อให้เกิดความกลัวได้นั่นก็คือ "กลัวการไม่รู้" เช่นเดียวกับภาพตยนต์เรื่องนี้ที่มีการเล่าเรื่องอย่างแปลกแหวกแนวแตกต่างจากสองเรื่องที่มีการดำเนินเรื่องแบบเส้นตรง ชวนให้ผู้ชมติดตามและปะติดปะต่อเรื่องราวทั้งหมดเพื่อค้นหาความจริง จุดด้อย: ตัวภาพยนตร์ตลอดทั้งเรื่องจะต้องอาศัยการตีความ หากไม่ตั้งใจดูดีๆ อาจจะทำให้เกิดการงงหรือตามไม่ทัน อีกทั้งตัวละครที่บทไม่ส่งให้ตัวละครเหล่านั้นโดดเด่นเท่าที่จนอาจจะสร้างความสับสนต้องย้อนกลับมาดูอีกรอบได้ แต่ก็ถือว่าไม่ใช่ภาพยนตร์ที่ดูยากเสียทีเดียว หากพอเข้าใจเนื้อเรื่องที่แท้จริง จะทำให้คุณรู้สึกสนุกได้อย่างน่าประหลาดใจขอบคุณเครดิตรูปภาพจาก IMdBรูปที่ 1 , รูปที่ 2 , รูปที่ 3