อาหารไทยถือเป็นอาหารที่อร่อย และมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น ต้มยำกุ้ง ผัดไท ส้มตำ ต่างก็เป็นอาหารที่คนทั่วโลกต้องการลิ้มลองสักครั้งในชีวิต แต่รู้หรือไม่ว่าประเทศเพื่อนบ้านของเราที่อยู่ใน Asian นั้น มีอาหารอะไรที่เป็นอาหารประจำชาติบ้าง วันนี้เราจึงจะพาทุกคนไปรู้จัก 10 อาหารประจำชาติ Asian ที่ทุกคนควรหามาลองสักครั้งในชีวิต พร้อมกับสูตรที่จะทำให้เพื่อนๆสามารถลองทำกันเองได้ที่บ้าน ส่วนจะมีอะไรบ้างนั้น ไปดูกันเลย 1.ต้มยำกุ้ง : ประเทศไทย Photo by Canva เริ่มต้นกันด้วยอาหารประจำชาติของไทย ที่ชาวต่างชาติได้ชิมแล้วอุทานเป็นเสียงเดียวกันว่า Oh my god! นั่นก็เพราะความแซ่บ เปรี้ยว เผ็ด เค็ม ครบรสแต่แอบละมุน พร้อมทั้งกลิ่นหอมของเครื่องต้มยำที่หาทานไม่ได้ที่ไหนในโลก ถ้ามาเมืองไทยแล้วไม่ได้ลิ้มลองถือว่าผิดมหันต์นะจ้ะ สูตรการทำต้มยำกุ้ง 2. อโดโบ้ : ประเทศฟิลิปปินส์ Photo by canva อโดโบ้ อาหารประจำชาติฟิลิปปินส์ที่มีต้นกำเนิดมาจากทางเหนือของฟิลิปปินส์ ทำมาจากเนื้อสัตว์ นำไปหมัก และ ใส่เครื่องปรุงต่างๆ ก่อนจะนำไปทำให้สุกโดยการเข้าเตาอบ หรือ ทอด ซึ่งอโดโบ้เป็นอาหารที่บอกเล่าวิถีชีวิตของแต่ละพื้นที่ในฟิลิปปินส์ได้เป็นอย่างดี นั่นก็เพราะเครื่องปรุงต่างๆและวัตถุดิบ จะแตกต่างออกไปตามแต่ละภูมิภาค อโดโบ้เป็นอาหารที่มีจุดเด่นในเรื่องของกลิ่มหอมจากกระเทียม และ ใบกระวานพริกไทยดำ ซึ่งวัตถุดิบต่างๆนั้นก็หาไม่ยากเลยหากอยากจะลองทำทานกันที่บ้านของเพื่อนๆ สูตรทำอโดโบ้ 3. กาโด กาโด : ประเทศอินโดนีเซีย Photo by canva อาหารยอดนิยมของประเทศอินโดนิเซีย ประกอบไปด้วยผัก ทั้งผักสด ผักต้ม ผักลวก ธัญพืชหลายชนิด เต้าหู้ ไข่ต้ม ทานคู่กับข้าวเกรียบ และน้ำจิ้มถั่วคล้ายน้ำจิ้มสะเต๊ะ โดยรวมคล้ายกับสลัดแขกของบ้านเรา อาหารไทยที่ได้รับอิทธิพลมาจาก กาโด กาโด คือ ขนมจีนน้ำพริก กาโด กาโด มีอีกชื่อว่า โลเต็ก เป็นอาหารที่อาจจะถูกปากคนไทยหลายๆคนและหาทานได้ไม่ยากเลย สูตรกาโด กาโด 4.ซุปไก่ : ประเทศลาว พลิกโผกันเลยทีเดียว หลายๆคนอาจจะคิดว่าอาหารประจำประเทศลาวควรจะเป็นส้มตำใช่ไหม แต่จริงๆแล้วคือซุปไก่ต่างหาก อาหารพื้นเมืองของลาวอย่างซุปไก่นี้มีความเรียบง่ายในการปรุง และในเรื่องของวัตถุดิบด้วย โดยส่วนมากจะปรุงด้วย ตะไคร้ ใบสะระแหน่ กระเทียม และหอมแดง ใส่สมุนไพร และ ผักต่างๆ ตามแต่ละสูตร แต่ละท้องที่ รสชาติก็อาจจะคล้ายๆซุปไก่ที่หลายๆคนเคยทานกันนั่นแหละ ส่วนใครไม่เคย ทำตามสูตรได้เลยจ้า ง่ายที่สุดแล้ว สูตรซุปไก่ 5. โมฮินกา : ประเทศพม่า Photo by canva โมฮินกา หรือขนมจีนพม่า มีลักษณะคล้ายขนมจีนน้ำยาป่าของคนไทย คือไม่มีกระทิ ทำน้ำยาจากปลาน้ำจืด ใส่หยวกกล้วยและแป้งถั่วเพื่อเพิ่มความข้นของน้ำยา หาทานได้ทั่วไปในพม่า ชาวพม่านิยมทานกันเป็นอาหารเช้า คู่กับไข่ต้ม ใครอยากลองทานทำตามสูตรข้างล่างนี้เลย สูตรโมฮินกา 6. เปาะเปี๊ยเวียดนาม : ประเทศเวียดนาม Photo by canva หลายๆคนคงรู้จักอาหารเวียดนามชื่อดังอย่าง เฝอ แต่จริงๆแล้วอาหารประจำชาติของเวียดนามคือ เปาะเปี๊ยเวียดนาม ที่ยังคงคอนเซปเน้นผัก โดยนำแป้งที่ทำจากแป้งข้าวเจ้ามาห่อใส้ หมู ไก่ กุ้ง และ ผักต่าง จิ้มกับน้ำจิ้มหลากหลายชนิด หรือจะทานคู่กับสมุนไพร เช่น สาระแหน่ ผักกาดหอม ก็อร่อยไม่แพ้กัน สูตรทำเปาะเปี๊ยเวียดนาม 7. อาม็อก : ประเทศกัมพูชา Photo by canva อาหารยอดนิยมในการรับประทานคู่กับข้าวสวยร้อยๆของชาวกัมพูชานี้ เห็นหน้าตาแบบนี้ก็แอบนึกถึงห่อหมกกันใช่ไหมละ จริงๆแล้วนอกจากหน้าตาวิธีทำก็มีความคล้ายคลึงกันมาก โดยการนำเนื้อปลาไปลวกกับพริกเครื่องแกง และน้ำกะทิ ก่อนจะนำไปทำให้สุกโดยการนึ่ง อยากรู้ว่าต่างจาห่อหมกบ้านเรายังไง ลองทำทานกันเลย สูตรอาม็อก 8. นาซิ เลอมัก : ประเทศมาเลเซีย อาหารยอดนิยมจากประเทศมาเลเซีย และ คนไทยในภาคใต้นิยมทานกันเป็นอาหารเช้า นาซิ เลอมัก คือ ข้าวหุงกับกะทิ และใบเตย ทานคู่กับเครื่องเคียง 4 อย่าง ปลากะตักทอดกรอบ แตงกวาหั่น ไข่ต้มสุก และถั่วอบ ซึ่งชาวมาเลเซียส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิม เนื้อสัตว์ที่นำมาประกอบอาหารจึงมักจะเป็น เนื้อไก่ เนื้อวัว และ เนื้อแพะ ถึงจะถูกต้องตามหลัง ฮาลาล สูตรนาซิ เลอมัก 9. ลักซา : ประเทศสิงคโปร Photo by canva ก๊วยเตี๋ยวสิงคโปร หรือ ลักซา เป็นอาหารประจำชาติสิงคโปรในประเภท ก๊วยเตี๋ยว ประกอบไปด้วย เส้น ถั่วงอก ฮือก้วย หอยแครง กุ้ง น้ำกะทิต้มยำ ทานคู่กับ น้ำพริก และใบลักซา โดยลักซานั้นเป็นอาหารดั้งเดิมของชาวเปอรานากัน กลุ่มลูกครึ่งมลายู-จีน สูตรลักซา 10. อัมบูยัต : ประเทศบรูไน Photo by canva ชาวบรูไนเป็นอีกหนึ่งชาติที่มีพฤติกรรมการทานอาหารคล้ายคนไทยคือทานข้าวเป็นหลัก อัมบูยัต เป็นการนำแป้งที่เหนียวข้นคล้ายข้าวต้ม ซึ่งทำมาจากแป้งสาคูล มาจิ้มกับซอสผลไม้รสเปรี้ยว มีเครื่องเขียงเป็นผักสด และเนื้อสัตว์ห่อใบตองย่าง หรือ เนื้อทอด สูตรอัมบูยัต ในยุคสมัยนี้เพื่อนๆหลายคนอาจเคยลองทานอาหารเหล่านี้มากันบ้างแล้ว ส่วนใครยังไม่เคยลอง จะลองทำทานกันที่บ้านก็ได้นะ ขอบคุณข้อมูลจาก https://www.lib.ru.ac.th/journal2/?p=9314