อื่นๆ

01. เทวดาน้อย

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
01. เทวดาน้อย

01. เทวดาน้อย
“น้องสมบูรณ์ดีค่ะ คุณพ่อ”

ผมจำได้ว่า ที่ที่ผมนั่งอยู่ มันทำให้ผมตั้งตารอมากขนาดไหน ผมนั่งอยู่หน้าห้องคลอดหมายเลข 4 และภรรยาของผมอยู่ในห้องนั้น ถัดจากที่นั่งผมไป 3 ที่นั่ง มีชายอีกคนนั่งประสานมือจดจ่ออยู่กับเทวดาตัวน้อยของเขา มันตื้นตันผมเข้าใจ เพราะผมก็เป็นไม่ต่างกัน

เสียงเปิดประตูของคุณพยาบาลดังขึ้น มันกระชากอารมณ์เหลือเกิน เธอหันมากล่าวกับผมเรียบ ๆ
“น้องปลอดภัยสมบูรณ์ดีนะคะ คุณพ่อ”

ความตื้นตันเอ่อล้นออกมาเป็นของเหลวในดวงตา ผมเหลือบไปมองชายที่นั่งถัดจากผม เขาไม่ได้กล่าวอะไร หากแต่ยิ้มให้ผม พร้อมกับชูนิ้วโป้งให้ผม และกลับไปประสานมือในท่าเดิมของเขา ผมน้อมรับด้วยความยินดี พลางอวยพรให้เทวดาน้อยของเขาปลอดภัยเช่นกัน

ฝ่ามืออุ่นๆ ของผมค่อยๆ วางแนบบนกระจกในห้องที่เต็มไปด้วยเทวดาน้อยมากมาย คุณคงไม่เชื่อว่าผมยืนอยู่ตรงนั้นนานมาก พรางจินตนาการไปถึงอนาคตของเจ้าเทวดาน้อย ว่าผมอยากจะทำอะไรกับเขาบ้าง ตอนเด็กๆ ก็คงจะซนมาก เหมือนพ่อ อาจจะถูกเพื่อนที่โรงเรียนแกล้งจนร้องไห้ แต่ไม่เป็นไร ถ้าเขากลับบ้านมาเราสองคนพ่อแม่จะช่วยปลอบเองอยากจะส่งเขาเรียนเปียโน พ่อจะเล่นกีต้าร์แล้วเราร้องเพลงอัดคลิปด้วยกัน ต้องสนุกแน่เลย เค้าโตขึ้นมาจะต้องเรียนเก่งเหมือนแม่แน่ๆ เรียนจบสูงๆ ยืนพูดอยู่บนเวทีที่มีฝูงชนนับพันรอฟังเขาอยู่

Advertisement

Advertisement

ระหว่างปล่อยความฝันฟุ้งอยู่ในหัว คุณพยาบาลท่าทางวุ่นวายก็เดินออกมาจากห้อง เข้ามาสะกิดผมให้หลุดออกจากภวังค์ พร้อมด้วยเอกสารบางอย่างบนมือของเธอ เธอชี้ไปที่ตำแหน่งที่เธอทำเครื่องหมายไว้ ผมหยิบปากกาบนอกซ้ายของผม เซ็นลงบนเอกสารนั้น คุณพยาบาลยิ้มแล้วเอ่ยกับผมว่า

“น้องน่ารักมากเลยค่ะ คุณพ่อ”

ผมจำได้ไม่มีวันลืมหรอก แต่ผมไม่ได้เล่าให้ใครฟังมานานมากแล้ว...

มันเป็นความสุขของคนเป็นพ่อที่ได้เห็นเทวดาน้อยค่อย ๆ ผ่านขีดจำกัดของตัวเองทีละเล็กทีละน้อย ด้วยอุดมคติของผมที่อยากให้เค้าพึ่งพาตัวเองได้ในอนาคต เมื่อเค้าต้องการอะไรก็ต้องทำได้ด้วยตัวเอง ตัวผมเองเข้าใจดี ว่าในอดีตที่ผมเป็นเด็ก ผมบกพร่องอะไรไปบ้าง เพราะผมอยากจะเห็นเทวดาน้อยที่บินได้จริงๆ

.

“พ่อ เราจะไปทะเลกันใช่ไหม ?”

“แน่นอนสิลูก แม่เก็บของเสร็จรึยังล่ะ ?”

Advertisement

Advertisement

“นี่ไงแม่กำลังลงมาเลย”

เราเปิดเพลงร้องด้วยกันในรถเร้าอารมณ์ให้เข้ากับบรรยากาศหน้าร้อน ทุกครั้งที่รถของเราจอดติดไฟแดง เจ้าเทวดาน้อยมักจะโบกมือบ๊ายบายให้กับคนแปลกหน้าอยู่เสมอ คงเป็นความสุขของเค้าแหละที่ได้เห็นรอยยิ้มของผู้คนบนท้องถนนที่ร้อนผ่าว ขับรถกันอยู่นานสองนาน พรางแว่วเสียง ซ่า ซ่า ผมเปิดกระจกลง กลิ่นของทะเลพัดเข้ามาในรถ ทุกคนต่างร้องตะโกนตื่นเต้นให้กับวิวท้องทะเลสุดลูกหูลูกตา ผมเองก็ตื่นเต้นไม่แพ้พวกเขา

“ใจเย็นๆ นะทุกคน เดี๋ยวก็จะถึงที่พักกันแล้ว”

“ไปทะเลก่อนเลยได้ไหมครับ !?”

เจ้าตัวแสบคงอดใจรอไม่ไหวที่จะเอาร่างกายลงไปสัมผัสท้องทะเล

“อ่ะๆ ไปทะเลก่อนก็ได้ เสร็จแล้วค่อยไปโรงแรมกัน”

“ไชโย !”

พอรถจอดสนิทที่หาด เจ้าเทวดาน้อยก็วิ่งพรวดออกไปไม่รีรอ ภรรยาของผมวิ่งตามไป ส่วนผมกำลังจัดแจงของบนรถ ไม่นานชายคนหนึ่งเดินผ่านผมไป ผมเอียงคอทำมุม 30 องศาเป็นท่าทางของคนขี้สงสัย ความจำอันเป็นเลิศของผมตั้งแต่สมัยเรียนก็ทำงาน ผมจึงนึกขึ้นได้ทันที ว่าเขาคือชายที่นั่งทำมือประสานกันหน้าห้องคลอดเป็นเพื่อนผมในวันนั้น แปลกดีนักที่โชคชะตานำพาให้เรากลับมาพบกันอีก

Advertisement

Advertisement

ผมมีนิสัยอย่างหนึ่งคือ เมื่อเราพบคนแปลกหน้าคนเดิมซ้ำครั้งที่สอง ผมจะมีความรู้สึกอยากทำความรู้จักเขาในทันที

“คุณครับๆ”

“ครับผม...อ่าว ! บังเอิญมากเลยนะครับ” เค้าก็จำผมได้เช่นกัน

“มาเที่ยวหรอครับ ?”

“ใช่ครับ พาครอบครัวมาด้วย”

“อ้อ ! เหมือนกันเลยครับ เด็กๆ สบายดีกันใช่ไหมครับ ?”

“สบายดีครับผม นั่นไง มาโน่นแล้ว”

“พ่อครับ ! อหาแว่นดำน้ำไม่เจออะ”

“อ่าวหรอ เดี๋ยวพ่อไปหาให้นะ”

“ตามสบายครับผม ไม่รบกวนละครับ”

“มีโอกาสไว้พบกันอีกนะครับ”

ผมยังอมยิ้มปลื้มใจไม่หาย เพราะลูกชายของเขาเหมือนกับเทวดาน้อยของผมไม่มีผิดเพี้ยนเลย ทั้งรูปร่างและหน้าตาเหมือนกันดั่งปรากฏการณ์

.

เราใช้เวลาทุกวินาทีอย่างละเอียดถี่ถ้วนในการตักตวงความสุขให้ได้มากที่สุดกับเวลาเพียงแค่สามวัน ที่ไวเหมือนสามชั่วโมง แต่ก็อย่างที่ว่า ถ้ารู้สึกว่ามันผ่านไปเร็ว แสดงว่าเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขจริงๆ

.

กลับบ้านมาอย่างอิ่มเอิบใจ กลับเข้าสู่กิจวัตรตามเดิม

.

นับวันเทวดาน้อยยิ่งบุกตะลุยมากขึ้นทุกทีๆ จนถูกขอบโต๊ะเล่นงานเข้าจนได้

เทวดาน้อยคงแปลกใจกับของเหลวสีแดงเข้มที่ไหลออกมาจากหน้าผากน้อยๆ จึงได้ทำการขยายปอดตัวเองอย่างสุดแรง

จ๊าก !

ผมคว้ากุญแจรถ รีบพาเทวดาสายบู๊ของผมไปที่โรงพยาบาลเจ้าประจำของครอบครัวเราทันที

.

ระหว่างนั่งรอ...

ความจำอันเป็นเลิศของผมก็ทำงานอีกครั้ง เมื่อคุณหมอท่านหนึ่งกำลังเดินตรงเข้ามาหาผม คุณหมอท่านนี้คือหมอที่ทำคลอดเทวดาน้อยของผมเอง ท่าทางเค้าไม่แก่ลงเลย ผมถามไถ่สารทุกข์สุขดิบ พอประมาณ แล้วหมอก็ขอเข้าไปดูอาการเทวดาน้อย

ผมนั่งรออยู่ครู่หนึ่ง คุณหมอเดินออกมาด้วยแววตากลัดกลุ้มใจ กวักมือเรียกผม เชิญผมเข้าไปในห้องทำงานของหมอ แล้วหมอก็กล่าวอะไรบางอย่าง...

“ขอโทษนะครับ เมื่อตะกี้หมอเข้าไปดูอาการเด็กมา”

“ครับ เป็นยังไงบ้างครับหมอ ?”

“เรื่องนั้นไม่ใช่ประเด็นหรอกครับ แค่หน้าผากแตกเล็กน้อยเดี๋ยวก็หาย”

“แล้วมีอะไรอย่างอื่นอีกหรอครับ ?” ผมเริ่มกังวล

“คือผมจำเคสของคุณได้ เป็นเคสหายาก ตอนนั้นเด็กที่เกิดมาในเวลาใกล้กัน หน้าตาผิวพรรณไปเหมือนกับลูกของคุณ หมอได้ทำการวางตำหนิที่หูซ้ายให้ลูกของคุณไว้”

“แล้วยังไงหรอครับ ?”

“หมอไม่เห็นตำหนิที่หูของเด็กน่ะสิ”

เสียงโทรศัพท์ของหมอดังขึ้น หมอพูดแต่เพียงว่า “ผมจะรีบไปครับ”

หมอหยิบเศษกระดาษที่มีหมายเลขโทรศัพท์เขียนอยู่ ยื่นให้ผม

“เดี๋ยวมีอะไรโทรหาผมนะ ผมต้องรีบไปแล้ว”

แล้วหมอก็ทิ้งผมไว้กับปมมัดใหญ่ ใหญ่มากด้วย

หมอกำลังจะบอกว่า เทวดาของผมกลายเป็นเทวดาของคนอื่นไปแล้ว ?

ความเคว้งขว้างเข้าปกคลุมสัมปชัญญะของผมทันที

ผมเดินออกมาจากห้อง รับเทวดาน้อยกลับบ้าน

ถึงแม้บนท้องถนนจะควักไขว่และวุ่นวาย แต่สายตาของผมยังคงเหม่อลอย เหมือนเซลล์ในสมองกำลังก่อศึกสงครามกันอยู่

“เพราะไอ่พวกพยาบาลไม่ได้เรื่องพวกนี้แน่ ๆ เอาเอกสารห่าอะไรมาให้กูเซ็นวะ ทำงานกันสะเพร่าเป็นบ้าเลย”

“หมอนี่ก็อีกคน กูจะฟ้องให้โรงบาลเจ๊งเลย”

“ใช่ ! ใช่แล้ว ผู้ชายที่เราเจอที่ชายหาด ต้องเป็นเจ้านั่นแน่ ๆ “

“โอ้ยยยย”

รู้สึกตัวขึ้นมา กำปั้นผมก็ทุบลงบนขอบพวงมาลัยรถ นั่นทำให้เทวดาน้อยสะดุ้งตกใจ เหลียวหันมามองที่ผม

“คุณพ่อโกธรอะไรครับ ?”

“เปล่าๆ ”

บรรยากาศแห่งความสุขของผมกับเทวดาน้อยก็เปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือทันที

ผมจะไม่พูดถึงเรื่องนี้ ผมยังไม่พร้อมจะให้ภรรยาของผมรับรู้ ผมจูงมือเทวดาน้อยมายืนอยู่หน้าประตูบ้าน
ถอนหายใจยาว ดึงกล้ามเนื้อใบหน้าและอารมณ์ให้ร่าเริงปกติที่สุด ก่อนเข้าบ้าน

อาหารเที่ยงจากภรรยายังคงหอมกรุ่นเหมือนเดิม แต่ความอยากอาหารของผมนั้นต่ำเหลือเกิน

บทสนทนาของผมบนโต๊ะอาหาร ไม่เกิดขึ้นมากนัก จนภรรยาต้องเอ่ยปากถามว่า

“เป็นอะไรรึเปล่า ?”

ผมก็ยังคง “เปล่าๆ ” ตามเคย

“พ่อขึ้นไปทำงานนะ” แล้วผมก็ทิ้งกับข้าวแสนอร่อยไว้อย่างนั้น

.

เสียงปิดประตูห้องแผ่วลง เหมือนความปิติที่ค่อยๆ จางลงไป ลมหายใจทอดยาวกับความสับสนในสมอง ผมเดินมาที่โต๊ะทำงาน เก็บงานลงลิ้นชัก นั่งมองนาฬิกา ที่พ่อเคยซื้อให้ผมตอนยังเล็ก ผมไม่ได้นั่งนิ่งๆ แบบนี้มานานมากแล้ว

ครู่หนึ่ง ผมก็เผลอหลับไป...

ผมรู้สึกตัวอีกที เหมือนทุกอย่างเริ่มช้าลง ต้นจามจุรีที่นอกหน้าต่าง ค่อยๆ ไหวช้าๆ เสียงเข็มวินาทีของนาฬิกาเรือนเดิม ที่ผมไม่เคยได้ยินมาก่อน วันนี้ผมได้ยินมัน ทั้งที่ทุกอย่างมันก็เหมือนทุกๆ วันของผม

แล้วความทรงจำอันเป็นเลิศของผมก็ทำงานอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มันต่างออกไป เพราะจริงๆ แล้ว ไอ้ความจำอันเป็นเลิศเนี่ย มันไม่ได้สำคัญเท่าไหรหรอก ความทรงจำดีๆ ต่างหากที่คอยไขลานความสุขในครอบครัวเราเสมอมา

.

“น้องปลอดภัยสมบูรณ์ดีค่ะ คุณพ่อ”

ใช่ ! เทวดาน้อยสมบูรณ์ดี ไม่มีอะไรบกพร่องเลยแม้แต่นิดเดียว

.

ผมเดินลงมาจากห้อง ถามเทวดาของผมว่า

“ไปกินไอติมกันไหมลูก ?”

“นึกว่าจะไม่ชวนซะแล้ววันนี้ เย่ !”

เทวดาของผม

#หนังสือสะท้อนแสง

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์