อื่นๆ

แนะนำ 4 Logistic ในไทย

417
คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
แนะนำ 4 Logistic ในไทย

สวัสดีค่ะเพื่อน ๆ ทุกท่าน อย่างที่เพื่อน ๆ รู้กันว่าในตอนนี้มีสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสสายพันธุ์ใหม่ 2019 เกิดขึ้นมาและหนึ่งในนั้นคือประเทศไทยนั้นเองค่ะ และภาครัฐเลยออกมาตราการให้คนช่วยกันกักตัวเพื่อลดการแพร่ระบาด ดังนั้นจึงทำให้เกิดการใช้พวก Delivery หรือการสั่งของทางออนไลน์เพิ่มขึ้นเยอะมาก ๆ ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตในช่วงนี้เลยก็ว่าได้ค่ะ เราเลยอยากจะมา ’แนะนำ 4 Logistic ในไทย’ ที่เรียกว่ามีคนใช้บริการค่อนข้างเยอะ จำนวนสาขา เปรียบเทียบข้อดีและข้อด้อย(จุดอ่อน) ค่าบริการคร่าว ๆ เป็นต้น หากพร้อมแล้ว ไปดูกันเลยค่ะ

ไปรษณีย์ไทย

หเครดิตภาพ : ไปรษณีย์ไทย (THAILAND POST)

Logistic แรกในประเทศไทยที่นึกขึ้นมาเป็นอันดับแรกคงเป็นอะไรไปไม่ได้เลย นั้นคือ ‘ไปรษณีย์ไทย’ ที่อยู่กับคนไทยของเรามาอย่างเนิ่นนาน ซึ่งเรียกได้ว่ามีส่วนแบ่งทางการตลาดเป็นอันดับต้น ๆ ในประเทศไทยเลยค่ะ เนื่องจากมีราคาค่าบริการที่ไม่แพงมากและครอบคลุมในทุกพื้นที่ ทั้งในจังหวัดและในอำเภอต่าง ๆ มีความเชื่อมั่นและได้รับการยอมรับจากคนไทยค่อนข้างสูง

Advertisement

Advertisement

  • ข้อดี

- สามารถไว้ใจและวางใจในการส่งของกับไปรษณีย์ไทย เพราะว่ามีการบริการที่ได้รับการยอมรับมาแต่ไหนแต่ไร

- ค่าส่งราคาไม่แพง เริ่มต้นที่หลัก 10 คือ 16 บาทในการส่งแบบลงทะเบียน และ 32 บาทในการส่งแบบด่วนหรือ EMS

- หากจัดส่งในพื้นที่ของกรุงเทพมหานครหรือปริมณฑลจัดส่งแบบลงทะเบียนจะเร็วมาก ๆ

- Website ของไปรษณีย์ไทยครบถ้วนและมีหลสกหลาย Options มาก ๆ อาทิเช่นที่เราชอบที่สุดคือ เราสามารถเข้าไปใน .. และคำนวณราคาค่าส่งได้ และยังสามารถเช็คสาขาใกล้บ้านได้อีกด้วยค่ะ

- มีสินค้าและบริการที่เยอะแยะหลายหลาย อาทิเช่น Thailand Post Privilege,EMS,Logispost เป็นต้น

  • ข้อด้อย

- หากส่งเป็นแบบธรรมดา ไม่สามารถเช็คสถานะของได้ ดังนั้นจะเสี่ยงกับการที่ของจะหายได้

- หรือหากเพื่อน ๆ ส่งเป็นแบบลงทะเบียน ถ้าอยู่ต่างพื้นที่จะทำการจัดส่งเป็นเวลานานมาก ๆ

Advertisement

Advertisement

- มีประเด็นปัญหาเรื่องของชำรุด พัง ค่อนข้างบ่อย เกิดจากการโยนของ  เราแนะนำสำหรับเพื่อน ๆ ที่ต้องการส่งพัสดุที่เสี่ยงจะพังแตกง่ายให้เพื่อน ๆควรเขียนติดที่กล่องว่า ‘ห้ามโยน’ หรืออาจจะต้องมีการ safty อย่างห่อบับเบิ้ล ห่อที่กันกระแทกแบบอื่น ๆ เป็นต้น

  • ราคาค่าบริการของไปรษณีย์ไทย

s

และตอนนี้ไปรษณีย์ไทยก็ออกโปรโมชั่น ‘บริการ ยิ้มสู้-19’ ส่งสิ่งของแบบเหมาจ่ายเพียง 19 บาทราคาเดียว อำนวยความสะดวกให้ประชาชนสั่งซื้อสินค้าอุปโภค บริโภคผ่านระบบออนไลน์และจ่ายค่าส่งในราคาประหยัด ถือว่าเป็น CSR แก่ลูกค้าที่ดีมาก ๆ เลยหล่ะค่ะ

sเครดิตภาพ : ไปรษณีย์ไทย (THAILAND POST)

Kerry Express

sเครดิตภาพ : Kerry Express

บริษัทเคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด เป็นบริษัทเอกชนที่เรียกได้ว่ามีการเติบโตไวมาก ๆ มีส่วนแบ่งทางการตลาดที่สูงพอ ๆ กับไปรษณีย์ไทยเลยก็ว่าได้ค่ะ เพราะมีการขยายสาขาออกไปเกือบทั้งทั้งจังหวัดและในอำเภอย่อย ๆ ทั้งหมด มีทั้งหมด 300 สาขาทั่วประเทศไทย และเนื่องจากราคาที่ไม่ได้แพงมาก แถมส่งไวมาก ๆ ทำให้ลูกค้าเกิดติดใจในบริษัท Kerry Express ไม่น้อย และพูดได้เลยว่าตอนนี้กำลังตีตื้นมากับไปรษณีย์ไทย

Advertisement

Advertisement

  • ข้อดี

- จากประสบการณ์การใช้งานจริงในฐานะผู้รับ จัดส่งจากจังหวัดเชียงใหม่มายังอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ใช้เวลาเพียง 1-2 วัน จากปกติหากใช้ของบริษัทอื่นอย่างน้อย 3-4 วันหรือในบางครั้งเป็นอาทิตย์ ทำให้เรารู้สึกประทับใจในความรวดเร็วมาก ๆ

- Kerry มีบริการเก็บเงินจากปลายทาง เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ประทับใจคือ ‘การเก็บเงินปลายทาง’ คือในกรณีที่เราอยาก make sure ว่าเราจะได้สินค้าจริง ๆ กันการโดนโกง ก็จะใช้บริการแบบเรียกเก็บเงินปลายทาง ซึ่งทาง Kerry จะคิดค่าบริการคิดเป็น 3% ของยอดที่เรียกเก็บในฐานะของผู้ส่งค่ะ

s

เครดิตภาพ : Kerry Express

- ในอีกหนึ่งอย่างที่เราชอบก็คือพนักงานส่งของจะมีการโทรศัพท์มาตอนส่งสินค้าอยู่เสมอ ซึ่งหากเราไม่อยู่บ้านก็จะสามารถบอกได้ว่าจะเอาอย่างไร การติดต่อประสานงานแบบนี้เป็นวิธีที่ดีมาก ๆ ค่ะ

- มีบริการรับประกันในตัวสินค้าหากชำรุดหรือเสียหาย

  • ข้อด้อย

- สืบเนื่องจากการมีบริการรับประกันสินค้า หากสินค้าเกิดชำรุดขึ้นมาสามารถเคลมได้ แต่ใช้ระยะเวลาค่อนข้างนานมากและในสินค้าบางตัวก็ไม่สามารถเคลมได้ อาทิเช่น พืชและต้นไม้ ผลิตภัณฑ์ที่เป็นของเหลว เช่น น้ำ น้ำมัน ครีม ซีรั่ม เจล ฯลฯ

- เจ้าหน้าที่ส่งของของบริษัท Kerry หากเปรียบเทียบกับไปรษณีย์ไทยยังไม่ชำนาญเส้นทาง

- Kerry นั้นในการคิดค่าบริการขนส่งจะคิดเป็นน้ำหนัก หรือ size และที่อยู่ปลายทาง ทำให้ในบางครั้งมีราคาที่ค่อนข้างแพงมากเกินไป

  • ราคาค่าบริการของ Kerry Express

sเครดิตภาพ : Kerry Express

- ค่าขนส่งพัสดุคิดจากขนาดและน้ำหนักของพัสดุ กรณีไปส่งที่หน้าร้าน ราคาค่าขนส่งเริ่มต้นที่ 30 บาท

- ค่าบริการเพิ่มสำหรับพื้นที่ห่างไกลและพื้นที่พิเศษจะคำนวณจากรหัสไปรษณีย์ต้นทาง และปลายทาง หากรหัสไปรษณีย์นั้นอยู่ในพื้นที่ดังกล่าวจะมีค่าบริการเพิ่มเติม

Flash Express

s

เครดิตภาพ : Flash Express

เป็นอีกหนึ่งบริษัทขนส่ง Logistic ในประเทศไทยที่โด่งดังและมีการยอมรับที่เร็วมาก ๆ และความพิเศษโด่งเด่นของ Flash คือ ‘การเปิดให้บริการทุกวัน ๆ ’ วันจันทร์-วันอาทิตย์ ไม่เว้นนักขัตฤกษ์ หากใครเคยใช้ Flash ก็จะทราบกันดีว่าวันเสาร์-อาทิตย์ก็จะมีการเคลื่อนไหวอัพเดตอยู่ตลอดเวลาและตอนนี้ Flash มีการขยายสาขาและจุดบริการไปทั้วทั้งประเทศมากกว่า 200 สาขาแล้วค่ะ ถือว่าเป็นอีกหนึ่ง Logistic ที่เติบโตไวและมีคุณภาพมากค่ะ

  • ข้อดี

- ใน Flash Express มีการตรวจเช็คราคา Flash Express และคำนวณค่าขนส่ง ซึ่งเป็น Options ที่ดีมาก ๆ ซึ่งของทาง Flash Express นั้นละเอียดมาก

- Flash Express มีบริการ ‘เข้ารับพัสดุฟรีทุกชิ้น ทั่วไทย’ ซึ่งไม่ว่าเพื่อน ๆ จะส่งกี่ชิ้น ชิ้นเดียว ทาง Flash ก็จะมารับพัสดุไปส่งให้ฟรี ไม่มีค่าบริการใด ๆ

- หากเทียบราคาค่าบริการกับทั้งสองเจ้า คือไปรษณีย์ไทยและ Kerry Express แล้ว มีราคาที่ถูกกว่า

- มีบริการรองรับการส่งของหรือพัสดุที่มีขนาดใหญ่ Oversize ได้

- Flash Express ใช้เวลาในการขนส่งไม่นานประมาณ 1-3 วันในการส่งถึง

- มีตัวเลือกการใช้งาน บริการเสริมเก็บเงินปลายทาง (Cash On Delivery) เพื่อให้ผู้เลือกใช้บริการในการส่งสินค้าหรือพัสดุ สะดวกมากยิ่งขึ้น

- Flash มีการทำ CSR ให้สังคมค่อนข้างเยอะ แต่ที่มีการ touch ใจเรามาก ๆ คือ การที่ทางบริษัทให้โอกาสในการทำงานแก่ผู้พิการ ถือว่าเป็นการผลักดันอาชีพให้แก่ผู้พิการที่ดีมาก ๆ ค่ะ

s

เครดิตภาพ : Flash Express

  • ข้อด้อย

- ระบบ Application ยังไม่มีความเสถียร ในบางครั้งไม่มีการอัพเดตแบบ Real time และยังไม่มีการอัพเดตเบอร์ของพนักงานที่มาส่งของ

- ในบางครั้งก็มาส่งช้ากว่าที่ควร มีครั้งหนึ่งสั่งของผ่าน Application Shoppee ก็กดเลือกบริการขนส่งของ Flash Express โดยปกติแล้วทาง Shoppee จะบอกวันเวลาที่ชัดเจนเลยว่าจะมาถึงวันไหน แต่จริง ๆ แล้วมาช้ากว่าที่ควรประมาณ 1-2 วัน

  • ราคาค่าบริการของ Flash Express

หเครดิตภาพ : Flash Express

SCG Express

หเครดิตภาพ : SCG Express

เป็นอีกหนึ่งบริษัทของเอกชนที่มีกระแสตอบรับดีมาโดยตลอดอย่าง SCG Express และมีบริษัทแม่คือประเทศญี่ปุ่น ที่ซึ่งได้รับการยอมรับด้านความใส่ใจและตรงต่อเวลา เราสามารถวางใจในเรื่องของคุณภาพของการบริการ และเรื่องของพัสดุจะไม่เสียหายระหว่างกลางทางแน่นอน

  • ข้อดี

- เป็นการบริการส่งของที่มีความหลากหลาย อาทิเช่น ทั้งแบบ B2B (ธุรกิจ ถึง ธุรกิจ) B2C (ธุรกิจ ถึง ผู้บริโภค) และ C2C (ผู้บริโภค ถึง ผู้บริโภค)

- มีจุดบริการรับของจำนวนมาก

- SCG เป็นบริษัทขนส่งที่นำเข้าด้านนวัตกรรมการส่งของแบบที่เรียกว่า ‘การควบคุมอุณหภูมิ’ ทำให้แม่ค้าพ่อค้าที่ขายของสด อาทิเช่น อาหารทะเลสด ทุเรียน หรือของใด ๆ ที่ต้องอยู่ในอุณหภูมิก็สามารถใช้บริการขนส่งของ SCG ได้

- หากต้องการส่งของแบบขนาดใหญ่หรือของจำนวนมาก สามารถเรียกใช้บริการให้มารับถึงหน้าบ้านได้ ถือว่าสะดวกมาก ๆ

  • ข้อเสีย

- เนื่องจากยังเป็นบริษัทส่งของหน้าใหม่ ระบบจัดการต่าง ๆ ยังไม่ดีพอและยังไม่มีมาตราฐานที่ชัดเจนเท่าที่ควร ซึ่งพื้นที่กำกับจะมีแค่ กรุงเทพและปริมณฑล

- พนักงานส่งของยังมีในเรื่องของการไม่ชำนาญในพื้นที่ในการจัดส่ง

- จากประสบการณ์ส่วนตัว บางครั้งก็มาส่งเร็วมาก บางครั้งก็มาส่งล่าช้ามาก ยังคงไม่มีมาตราฐานในการให้บริการที่ดีและเสถียรเท่าที่ควร

- พัสดุทุกชิ้นจะต้องไปคัดแยกที่ศูนย์ บางนา กรุงเทพ เนื่องจากยังไม่มีศูนย์คัดแยกของแต่ละภูมิภาค สิ่งนี้ทำให้เกิดความล่าช้า

  • ราคาค่าบริการของ SCG Express

ssเครดิตภาพ : SCG Express

ก็จบลงไปแล้วนะสำหรับ ‘แนะนำ 4 Logistic ในไทย’ ซึ่งเรามีการคัดสรรมาให้ชมถึง 4 เจ้าเลยทีเดียว เพื่อน ๆ คนไหนเล็งว่าอยากจะใช้บริการเจ้าไหน ก็ลองเปรียบเทียบข้อดีข้อเสียของแต่ละเจ้าดูนะคะ สำหรับวันนี้ nowadaysgirl ก็ขอตัวลาไปก่อน ช่วงนี้ก็อยากให้เพื่อน ๆ #StaySafeStayHOME นะคะ

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์