ส่วนตัวดิฉันรู้จักแคร์รอตม่วงตั้งแต่ที่มันไม่ได้เข้ามาอยู่ในเมืองไทย ในใจก็เฝ้ารอ ร้อ รอ วันที่จะได้พบกันตัวต่อตัว แล้วสักพักใหญ่ดิฉันก็ได้มีโอกาสสัมผัสกับเจ้าแคร์รอตม่วงจากเครื่องดื่มน้ำผลไม้ยี่ห้อหนึ่งที่มีส่วนผสมของแคร์รอตม่วงอยู่ในนั้นด้วย แต่กระนั้นยังไงมันก็เป็นน้ำผลไม้ไงคะคุณ รสชาติที่แท้จริงของแคร์รอตม่วงเป็นอย่างไรดิฉันก็ไม่รู้สักที หาอ่านข้อมูลก็รู้แต่ว่ามีสารเบต้าแคโรทีนมากกว่าแคร์รอตสีอื่น ๆ ทั่วไป อีกทั้งมีสารต้านอนุมูลอิสระสูงค่ะ เครดิตภาพ : พริกเผ็ด(ผู้เขียน) ในที่สุดดิฉันก็ไปจ๊ะเอ๋กับแคร์รอตม่วงที่แมคโครค่ะคุณ งานนี้มีหรือคะที่สาวงามจะไม่สอยมา จากภาพด้านบนเมื่อลองวางเทียบลักษณะภายนอกกับแคร์รอตส้มก่อนเป็นอันดับแรก จะเห็นว่ารูปทรงของแคร์รอตม่วงมีความเรียวกว่าแคร์รอตส้ม ซึ่งอันนี้ดิฉันคิดว่าน่าจะเป็นเรื่องของสายพันธุ์ที่นำเข้ามาค่ะคุณ จากนั้นดิฉันก็ลองปอกเปลือกค่ะ เครดิตภาพ : พริกเผ็ด(ผู้เขียน) ดิฉันลองขูดแคร์รอตม่วงเป็นเส้น ๆ ดูก่อน ซึ่งจากภาพด้านบนคุณจะเห็นได้ว่าสีมันสวยมากเลยนะ แม้ว่าก่อนปอกเปลือกผิวมันจะออกสีม่วงดำ แต่พอขูดออกมาเนื้อในมันก็ออกม่วงสวยทีเดียว เลยลองวางรวมกันกับแคร์รอตส้มดูซิว่าภาพรวมจะออกมาเป็นอย่างไร ตามภาพด้านล่างค่ะคุณ เครดิตภาพ : พริกเผ็ด(ผู้เขียน) ปรากฏว่าสีออกมาสวยมาก เป็นคู่สีที่ตัดกันอย่างลงตัวเลยค่ะ ธรรมชาติรังสรรค์จริง ๆ ฉะนั้นอย่ารอช้า สาวงามจัดการทำเมนูสะดวกง่ายที่สามารถกินมันได้อย่างรวดเร็วในบัดเดี๋ยวนั้นเลยค่ะ เครดิตภาพ : พริกเผ็ด(ผู้เขียน) ดิฉันทำเป็นสลัดแคร์รอตใส่ไข่ต้มค่ะคุณ ตัวน้ำสลัดเป็นครีมสลัดที่น้องชายร่วมสายโลหิตเป็นคนทำ ซึ่งพอกินแล้วรู้สึกแคร์รอตม่วงมันอร่อยกว่าแคร์รอตส้มแฮะ แต่ก็ก้ำกึ่งว่าอาจเป็นอุปาทานหรือเปล่า เพราะใจดิฉันก็โน้มเอียงให้กับแคร์รอตม่วงมาก่อนตั้งแต่เริ่ม จึงลองกินเฉพาะแคร์รอตม่วงเปล่า ๆ ดู ก็พบว่ามันอร่อยกว่าแคร์รอตส้มจริง ๆ ค่ะคุณ มีความหวานกว่า รสชาติริชและละมุนกว่า กลิ่นของแคร์รอตม่วงจะไม่เหม็นเขียวเหมือนกับแคร์รอตส้ม จุดเด่นของแคร์รอตม่วง คือ 'สี' ค่ะคุณ ดิฉันได้ทดลองเอาไปต้มใส่แกงจืดค่ะ ผลที่ได้คือแกงจืดกลายเป็นสีม่วงไปทั้งหม้อเลยค่ะ ม่วงจัดค่อนไปทางม่วงดำ ดำมากขนาดที่ว่ายายไม่กล้าซดน้ำซุปเลยค่ะคุณ แต่นั่นก็ไม่หยุดความพยายามกินแคร์รอตม่วงของดิฉันแม้แต่น้อย ดิฉันเอาไปทำสุกี้ ก็ได้สุกี้สีม่วงค่ะคุณ และก็ได้พบว่าเราสามารถควบคุมความม่วงของมันได้โดยการกะปริมาณในการใส่นี่นะ! ดิฉันจะขอยกตัวอย่างให้เห็นง่าย ๆ ตามภาพด้านล่าง เครดิตภาพ : พริกเผ็ด(ผู้เขียน) นี่คือแคร์รอตม่วงหั่นชิ้นเท่าหัวแม่โป้งต้มกับน้ำปริมาณ 1 ถ้วยตวง สีออกเข้มมาก แถมสีคล้ายกับน้ำอัญชัน แต่จะออกโทนม่วงแดงมากกว่า แล้วดิฉันก็เริ่มสงสัยว่า เอ... ถ้าบีบมะนาวลงไปแล้วสีมันจะเปลี่ยนเหมือนตอนบีบมะนาวใส่น้ำอัญชันไหมนะ? ดิฉันเลยลองบีบมะนาวลงไปดังตัวอย่างภาพด้านล่างค่ะ เครดิตภาพ : พริกเผ็ด(ผู้เขียน) จะเห็นได้ว่าสีเปลี่ยนเป็นแดงเฮลซ์บลูบอยเลยทีเดียว แดงแป๊ดกว่าสีของน้ำอัญชันบีบมะนาวอีกค่ะคุณ ซึ่งในแง่ของการให้สี หากคุณอยากได้อาหารที่มีสีม่วง การใช้แคร์รอตม่วงจะประหยัดต้นทุนกว่าการใช้ดอกอัญชันอบแห้งหลายเท่านัก เป็นทางเลือกที่คนไม่ค่อยรู้กันว่าแคร์รอตม่วงสามารถใช้เพื่อการให้สีกับอาหารได้ และมันก็ไม่ได้มีกลิ่นเหม็นเขียวเหมือนดอกอัญชันด้วยค่ะ เมนูที่ได้จากการกินแคร์รอตม่วงของดิฉัน ขอบอกว่าเราสามารถกินได้ทั้งแบบสดและแบบสุกเหมือนกันกับแคร์รอตส้มเลยค่ะ แต่ระวังสีจะติดมือหากสัมผัสโดยตรง ซึ่งจากประสบการณ์ส่วนตัวที่ดิฉันได้ทดลองนำแคร์รอตม่วงมาทำอาหารไม่ว่าจะเป็นกินสด ทอด ผัด ต้ม ย่าง อบ ดิฉันขอบอกว่าต้มกินเปล่า ๆ อร่อยที่สุดค่ะคุณ เพราะเนื้อแคร์รอตจะหวานมาก กินเปล่า ๆ ได้สบายไม่ต้องจิ้มอะไรเลย แถมน้ำที่ต้มจะเอาไปทำวุ้นแคร์รอตหรือจะแช่เย็นเป็นน้ำดื่มเฉย ๆ ก็ได้ค่ะ ท้ายนี้ ดิฉันหวังเป็นอย่างยิ่งว่าบทความนี้จะเป็นไอเดียต่อยอดการกินแคร์รอตม่วงต่อผู้อ่านนะคะ ไว้เจอกันบทความหน้า เลิฟนะคะ บาย