โดยปกติแล้วหากเราพูดถึงกระบองเพชร เราก็มักจะนึกถึงภาพต้นไม้ที่มีลักษณะลำต้นสีเขียว มีหนามอันแหลมคมรอบตัว ขึ้นและเติบโตอยู่ท่ามกลางพื้นที่แห้งแล้งเช่นในทะเลทราย แต่ความจริงแล้วนั้นมีหนึ่งในสายพันธุ์กระบองเพชรที่ธรรมชาติได้สรรสร้างขึ้นมาให้โดดเด่นกว่ากระบองเพชรทั่วไป เพียงแค่ได้เห็นไม่ว่าใครก็ย่อมต้องสะดุดตากับหนามที่มีสีสันเป็นสีชมพูสวยสดใส กระบองเพชรสายพันธุ์นี้ถูกเรียกกันว่า เรนโบว์ แคคตัส (Rainbow Cactus)ภาพประกอบถ่ายโดยผู้เขียนเจ้าเรนโบว์แคคตัส เป็นกระบองเพชรสายพันธุ์หนึ่งที่มีชื่อเต็ม ๆ ว่า Echinocereus rigidissimus ซึ่งจะมีชื่อเรียกในภาษาอังกฤษที่แตกต่างกันไป เช่น Arizona Rainbow หรือ Hedgehog Cactus แต่คนไทยนิยมเรียกกันสั้น ๆ ว่า เรนโบว์ โดยทั่วไปสายพันธุ์ของเรนโบว์ที่เราจะพบเห็นได้ก็จะมี Echinocereus rigidissimus ธรรมดาซึ่งจะมีลักษณะเป็นหนามสีชมพูบริเวณส่วนบนของลำต้น เมื่อเจริญเติบโตหนามสีชมพูก็จะค่อย ๆ เคลื่อนลงมาด้านล่างตามแนวของลำต้นและเปลี่ยนเป็นสีซีดจางลงหรือกลายเป็นสีขาวไปในที่สุด กับอีกสายพันธุ์หนึ่งที่เรียกว่า Echinocereus rigidissimus var. rubrispinus ซึ่งจะเป็นเรนโบว์แคคตัสสายพันธุ์เดียวกันแตกต่างกันเฉพาะส่วนหนาม ที่ var. rubrispinus นั้นจะมีหนามสีชมพูปกคลุมตลอดทั้งลำต้นไม่ซีดหายไปเหมือนเรนโบว์แคคตัสสายพันธุ์ธรรมดา กับอีกสายพันธุ์หนึ่งคือ Echinocereus pectinatus ที่จะมีลักษณะคล้ายกันกับเรนโบว์แคคตัสที่ได้กล่าวไปก่อนหน้า เพียงแต่ว่าการเรียงตัวของหนามจะอยู่ชิดกันน้อยกว่าทำให้เผยส่วนที่เป็นสีเขียวของลำต้นได้มากกว่าภาพประกอบถ่ายโดยผู้เขียนนอกจากนี้เรนโบว์แคคตัสยังเป็นกระบองเพชรที่สามารถพบได้ในลักษณะคริสตาต้า (Cristata) หรือการผิดรูปจากรูปทรงไม้ลำไปเป็นทรงคล้ายกับหงอนไก่ได้อีกด้วย ซึ่งตำแหน่งหนามที่เป็นสีชมพูก็จะอยู่บริเวณส่วนกลางด้านบนส่วนของลำต้น และเรนโบว์คริสตาต้านั้นก็เป็นสายพันธุ์เรนโบว์ที่พบได้น้อยในธรรมชาติ รวมถึงยังมีความแพร่หลายในการเลี้ยงค่อนข้างน้อยอีกด้วย ภาพประกอบถ่ายโดยผู้เขียนในส่วนของการขยายพันธุ์โดยทั่วไปนั้นเราจะใช้วิธีการเพาะเมล็ดที่ได้จากการผสมเกสรของดอกเรนโบว์ ซึ่งตัวผู้เขียนเองก็เคยซื้อเมล็ดพันธุ์เรนโบว์แคคตัสจากผู้ขายใน Facebook มาลองเพาะดู จากแรกเริ่มเดิมทีประมาณ 30 เมล็ด ผ่านไปประมาณเกือบปีก็ได้ต้นเรนโบว์จิ๋วที่เหลือรอดอยู่ไม่ถึง 10 ต้น ซึ่งก็ยังนับว่าเป็นโชคอันดีที่เกือบ 1 ใน 3 ของเมล็ดเรนโบว์เหล่านี้สามารถเติบโตกลายมาเป็นเรนโบว์ต้นน้อยต่อไปได้และโดยทั่วไปเรามักจะไม่ค่อยได้เห็นคนขายเมล็ดเรนโบว์เท่าไรนัก เนื่องจากเรนโบว์นั้นส่วนใหญ่จะเป็นไม้นำเข้าจากต่างประเทศ หากจะปลูกและเพาะเลี้ยงจนให้ดอกเพื่อผสมเกสรนั้นก็ต้องใช้เวลาค่อนข้างนานหลายปี ดังนั้นเมล็ดเรนโบว์ที่มีขายส่วนใหญ่ก็จะเป็นเมล็ดนำเข้าจากต่างประเทศด้วย ผู้ขายจึงจะต้องเป็นคนที่รู้แหล่งขายเมล็ดพันธุ์ในต่างประเทศที่เชื่อถือได้แล้วจึงนำเข้ามาขายในประเทศไทย ส่วนคนซื้อนั้นนอกจากความเชื่อใจในผู้ขายแล้วก็ไม่มีอะไรที่จะการันตีได้ว่าเมล็ดเรนโบว์ที่เราซื้อมานั้นจะมีอัตราการงอกมากน้อยเพียงไหน การซื้อเมล็ดมาเพาะจึงเหมือนเป็นการเสี่ยงดวงอย่างหนึ่ง หากโชคดีเราก็จะได้เมล็ดที่มีโอกาสงอกเป็นต้นใหม่ แต่ถ้าโชคร้าย เมล็ดเหล่านั้นก็อาจจะไม่งอกออกมาเลยก็ได้ภาพประกอบถ่ายโดยผู้เขียนและอีกวิธีหนึ่งนอกจากการขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ดแล้ว ก็จะมีการกราฟต์ (Grafting) การขยายพันธุ์ด้วยวิธีนี้จะทำให้เรนโบว์มีการแตกหน่อซึ่งเราก็สามารถนำหน่อเรนโบว์นั้นมาทำการชำเพื่อให้เกิดรากและกลายเป็นเรนโบว์ต้นใหม่ต่อไปได้ และโดยทั่วไปลักษณะหน่อของเรนโบว์ที่มาจากการกราฟต์ก็จะมีความอ้วนป้อมหรือมีลักษณะอวบต่างจากเรนโบว์ที่เป็นไม้เพาะเมล็ดที่จะมีลักษณะผอมเรียวกว่าสำหรับการเลี้ยงดูแลเรนโบว์แคคตัสนั้นก็ไม่ต่างจากการเลี้ยงกระบองเพชรทั่วไปเท่าไรนัก แต่สิ่งหนึ่งที่จะต้องคอยระวังก็คือเราจะต้องให้พวกมันได้รับแสงแดดอย่างเพียงพอ หากวางกระถางเรนโบว์แคคตัสไว้ในที่ร่มเมื่อไหร่ละก็ หนามสีชมพูอมแดงของมันก็จะค่อย ๆ ซีดหายกลายเป็นสีออกขาว และส่วนลำต้นก็จะยืดยาวไม่สม่ำเสมอ ทำให้รูปทรงของเจ้าเรนโบว์นั้นดูผิดแปลกไปได้ภาพประกอบถ่ายโดยผู้เขียนดังนั้นการที่จะเลี้ยงเรนโบว์แคคตัสให้มีรูปทรงสีสันที่สวยงาม จะต้องประกอบด้วย 2 ปัจจัยหลักก็คือแสงแดด และการรดน้ำอย่างสม่ำเสมอ เพราะหากช่วงไหนที่เจ้าเรนโบว์ขาดน้ำก็อาจจะทำให้ลำต้นมีขนาดเล็กลง ช่วงไหนได้น้ำเยอะก็จะดูอวบใหญ่ขึ้น การให้น้ำไม่สม่ำเสมอก็จะทำให้ลักษณะของลำต้นเรนโบว์มีขนาดเล็กใหญ่ในแต่ละส่วนไม่เท่ากัน และถ้าเราเลี้ยงดูมันไปเรื่อย ๆ มันก็จะค่อย ๆ มีขนาดที่ยืดยาวสูงขึ้นไปเรื่อย ๆ และเมื่อถึงเวลาเจ้าเรนโบว์ก็จะออกดอกสีชมพูให้เราได้เห็นค่ะ ภาพประกอบถ่ายโดยผู้เขียนและถ้าหากใครสนใจอยากจะลองหัดเลี้ยงเรนโบว์แคคตัสดูแล้วละก็ สามารถหาซื้อเจ้าเรนโบว์ผ่านร้านค้าออนไลน์ได้ โดยราคาสำหรับไม้เมล็ดก็จะเริ่มต้นที่หลักร้อยบาทเป็นต้นไปขึ้นอยู่กับขนาด ซึ่งผู้เขียนเคยซื้อมาในขนาดความสูงประมาณ 3-4 เซนติเมตรในกระถาง 2 นิ้วราคาอยู่ที่ประมาณ 200 กว่าบาท และหากเป็นต้นที่มีขนาดใหญ่ขึ้นก็จะมีราคาที่แพงยิ่ง ๆ ขึ้นไป ส่วนเรนโบว์ที่เป็นไม้คริสตาต้านั้นจะหาซื้อค่อนข้างยากและราคาจะอยู่ที่ประมาณหลายร้อยบาทค่ะ หรือถ้าใครอยากจะลองซื้อเมล็ดเรนโบว์มาเพาะเองก็ได้เช่นกัน แต่อาจจะต้องใช้เวลานานสักนิดกว่าเจ้าเรนโบว์จิ๋วนั้นจะเริ่มมีสีสันให้เห็น ซึ่งก็ต้องอาศัยทั้งความอดทนและความเอาใจใส่ดูและในการเลี้ยงดูอย่างต่อเนื่องกันพอสมควรเลยบทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง- 🌵 แนะนำสายพันธุ์กระบองเพชรดอกสวย 🌸- 🌵 วิธีผสมเกสร "ดอกกระบองเพชร" ให้ติดฝักและได้เมล็ด- 🌵 มาผสม “ดินปลูกแคคตัส” กันเถอะ ! (สำหรับมือใหม่หัดปลูกแคคตัส)- 🌵 มาเปลี่ยนกระถางกระบองเพชรกันเถอะ !- 🌵 สาเหตุที่ทำให้ต้นกระบองเพชรเน่า พร้อมวิธีป้องกันและแก้ไข- 🌵 สายพันธุ์กระบองเพชร สำหรับมือใหม่หัดเลี้ยง- 🌵 เลี้ยงกระบองเพชรอย่างไร ? ให้มีดอก 🌸- 🌵 [แชร์เทคนิค] เลี้ยง “กระบองเพชร” สำหรับมือใหม่อย่างไรให้ไม่ตาย- 🌵 ชวนรู้จักกับ “แอสโตร” (Astrophytum asterias) กระบองเพชรเลี้ยงง่าย ดอกสวย 🌸- 🌵 การกราฟต์ (Grafting) กระบองเพชร คืออะไร ?- 🌵 [มือใหม่หัดเลี้ยงแคคตัส] ยิมโน LB 2178 "แท้" กับ "ไม่แท้" ต่างกันอย่างไรนะ ?- 🌵 มารู้จักศัพท์ เกี่ยวกับ “รากกระบองเพชร” กันเถอะ- 🌵 วิธีกำจัด “เพลี้ยแป้ง” ในรากกระบองเพชรสำหรับมือใหม่หัดเลี้ยง- 🌵 ชวนรู้จักแคคตัส "หูกระต่าย-หูมิกกี้เมาส์" (Opuntia microdasys)- 🌵 เทคนิคผสมเกสรกระบองเพชรสายพันธุ์ "ยิมโน"- 🌵 ยิมโนพิงค์ไดมอนด์ (Gymnocalycium ‘Pink Diamond’) แคคตัสเพชรชมพูสีสวยน่าสะสม- 🌵 วิธีเพาะเมล็ดแคคตัสสำหรับมือใหม่ ไม่ยากอย่างที่คิด- 🌵 "โลบิเวีย" แคคตัสต้นไม่สวย แต่ดอกสวยมาก !