ปัจจุบันนี้กระบองเพชรถือเป็นหนึ่งในพืชประเภทไม้ประดับที่คนนิยมเลี้ยงกันมาก ๆ เลย เพราะสามารถเลี้ยงได้ง่าย ไม่ต้องการการดูแลเอาใจใส่อะไรมากนัก แค่ตั้งทิ้งไว้เฉย ๆ ให้โดนแดดรำไรแบบไม่ร้อนจัดจนเกินไป และคอยรดน้ำเฉพาะเมื่อดินแห้ง เขาก็จะเติบโตไปเรื่อย ๆ แถมยังออกดอกสวยงามให้ชื่นชมอีก จึงทำให้คนส่วนใหญ่หันมาสนใจอยากจะลองเลี้ยงเจ้าไม้หนามนี้กันมากขึ้นถ่ายภาพโดย ผู้เขียน แต่เอ.. หลายคนก็อาจจะยังสงสัยอยู่นิดหน่อยว่า สำหรับมือใหม่อย่างเราล่ะ ควรจะเลือกเลี้ยงกระบองเพชรแบบไหนดี ซึ่งในความเป็นจริงแล้วการเลือกสายพันธุ์กระบองเพชรสำหรับหัดเลี้ยงนั้นไม่ได้มีข้อจำกัดเลยค่ะว่าจะเป็นมือใหม่หรือมือเก่า เราสามารถเลือกเลี้ยงกระบองเพชรสายพันธุ์ไหนก็ได้ตามความชื่นชอบถึงแม้ว่าเราจะไม่เคยเลี้ยงกระบองเพชรมาก่อนเลย ขอเพียงแค่เราเข้าใจวิธีการเลี้ยงเขาอย่างถูกต้องเท่านั้นเองค่ะ แต่ถ้าหากใครยังกล้า ๆ กลัว ๆ กลัวว่าเลี้ยงไปแล้วเจ้าหนามน้อยของเราจะไม่รอด วันนี้เราก็มีสายพันธุ์กระบองเพชรที่มีความทนและตายยากมาฝากกันค่ะและในบทความนี้จะขอเรียกชื่อสายพันธุ์กระบองเพชรเหล่านั้นด้วยชื่อสั้น ๆ ที่นิยมเรียกกันนะคะ เพื่อให้มือใหม่ได้หัดเรียกชื่อกระบองเพชรกันค่ะถ่ายภาพโดย ผู้เขียน ถ่ายภาพโดย ผู้เขียน 1. ยิมโน ถ้าถามว่ากระบองเพชรสายพันธุ์ไหนที่มีความทนแดดทนฝน อดทนต่อทุกสภาพอากาศได้ดีที่สุดก็ตงต้องเป็นสายพันธุ์นี้เลยค่ะ สำหรับกระบองเพชรยิมโนสายพันธุ์ธรรมดาลักษณะของเขาคือจะเป็นหัวกลม ๆ แบ่งออกเป็นพูประมาณ 8 พู ลักษณะพูเป็นบั้ง ๆ ลำต้นเป็นสีเขียวเข้มหรือเขี้ยวเข้มสลับม่วงเข้มและมีหนามอยู่รอบต้น อาจมีลวดลายบนผิวได้ขึ้นอยู่กับว่ามีสายพันธุ์ผสมมาด้วยหรือไม่ กระบองเพชรสายพันธุ์นี้จะราคาค่อนข้างถูกเนื่องจากเพาะเลี้ยงได้ง่าย แต่หากเป็นยิมโนที่มีสีสันต่าง ๆ บนผิวลำต้นด้วยก็จะมีราคาที่แพงขึ้นไปตามสายพันธุ์นะคะ การขยายพันธุ์กระบองเพชรยิมโนจะใช้วิธีการผสมเกสรข้ามต้นแล้วนำเมล็ดที่ได้ไปเพาะเป็นต้นใหม่ต่อไปค่ะถ่ายภาพโดย ผู้เขียน 2. ดาวล้อมเดือนสำหรับสายพันธุ์ต่อมาก็คือสายพันธุ์ดาวล้อมเดือนค่ะ ลักษณะของสายพันธุ์ดาวล้อมเดือนคือจะมีลำต้นสีเขียวอ่อนแบ่งเป็นหลายพู มีหนามสีเหลืองทองอยู่รอบต้น หนามจะไม่แข็งมากแต่ก็อาจหลุดหักได้เมื่อโดนสัมผัส กระบองเพชรสายพันธุ์นี้จะค่อนข้างเลี้ยงง่าย โตไว แถมให้หน่อเยอะมาก โดยหน่อจะขึ้นอยู่รอบต้นแม่จนกลายเป็นที่มาของคำว่า “ดาวล้อมเดือน” นั่นเอง เหมาะกับมือใหม่ที่อยากลองหัดขยายพันธุ์กระบองเพชร และเมื่อเขาให้หน่อในขนาดที่ใหญ่ระดับหนึ่งแล้วเราก็สามารถเด็ดไปปักลงดินหรือที่เรียกว่าการชำต่อได้ ไม่นานหน่อจิ๋วเหล่านั้นก็จะเริ่มงอกรากแล้วกลายเป็นดาวล้อมเดือนต้นใหม่ต่อไปค่ะถ่ายภาพโดย ผู้เขียน 3. ยิมโนแม่ลูกดกยิมโนแม่ลูกดกจะเป็นกระบองเพชรในตระกูลเดียวกันกับยิมโนในข้อแรกเพียงแต่ว่าจะเป็นสายพันธุ์ย่อยที่แตกต่างกันค่ะ ลักษณะของยิมโนแม่ลูกดกนี้จะมีหัวค่อนข้างกลมอวบแข็ง แบ่งเป็น 8 พู มีหนามขึ้นตรงสันพูแต่สันพูจะไม่ได้มีรอยหยักมาก ส่วนที่มาของชื่อยิมโนแม่ลูกดกนั้นก็คล้าย ๆ กับดาวล้อมเดือนตรงที่ว่าเมื่อเลี้ยงไปสักระยะ เขาก็จะงอกหน่อเล็ก ๆ ออกมาตามแนวสันพูเต็มไปหมด ยิ่งต้นแม่มีความแข็งแรงมากเท่าไหร่ก็จะยิ่งงอกหน่อลูกออกมาได้มากเท่านั้น บางต้นก็ขยันให้หน่อมากจนบดบังต้นแม่ไปเลยก็มี ซึ่งหน่อเล็ก ๆ เหล่านี้ก็สามารถนำไปปักชำเพื่อขยายพันธุ์ต่อไปได้เช่นเดียวกันค่ะถ่ายภาพโดย ผู้เขียน 4. แอสโตรและสำหรับสายพันธุ์สุดท้ายที่เราอยากจะแนะนำให้มือใหม่ได้ลองเลี้ยงกันก็คือสายพันธุ์แอสโตรไฟตัมค่ะ ซึ่งก็จะมีแบ่งแยกย่อยไปอีก แต่ถ้าพูดสั้น ๆ ว่าแอสโตร เราจะหมายถึงสายพันธุ์ที่มีลักษณะเป็นหัวกลมแบ่งเป็นพูตั้งแต่ 5 ถึง 8 พู ไม่มีหนามแหลมยื่นยาวออกมาเหมือนกระบองเพชรสายพันธุ์อื่น ๆ จึงเหมาะกับมือใหม่หัดเลี้ยงที่ไม่ชอบโดนหนามกระบองเพชร ลักษณะผิวของแอสโตรจะเป็นสีเขียวเข้ม อาจมีลวดลายหรือตุ่มขนปกคลุมได้ในลักษณะที่แตกต่างกันไป ยิ่งมีลวดลายสวยมากก็จะยิ่งมีราคาแพงมาก กระบองเพชรสายพันธุ์แอสโตรนี้ค่อนข้างเลี้ยงง่าย เมื่อถึงเวลาเขาก็จะออกดอกให้ได้ชม ซึ่งเราสามารถขยายพันธุ์ได้โดยการผสมเกสรและนำเมล็ดที่ได้ไปเพาะต่อไปค่ะถ่ายภาพโดย ผู้เขียน และทั้ง 4 สายพันธุ์นี้ก็ถือว่าเป็นสายพันธุ์ที่ค่อนข้างมีความอึด ถึก ทน และตายยากเมื่อเทียบกับกระบองเพชรสายพันธุ์อื่น ๆ แต่ถึงจะตายยากอย่างไรก็ตาม หากเราเลี้ยงเขาไม่ถูกวิธีเขาก็สามารถตายได้นะคะ ดังนั้นทริคสั้น ๆ ง่าย ๆ สำหรับการเลี้ยงกระบองเพชรที่เราอยากจะฝากไว้ก็คือ ให้เขาได้โดนแดดอย่างเหมาะสม และให้รดน้ำเมื่อดินแห้งอย่าปล่อยให้ชื้นหรือขาดน้ำนาน ใส่ปุ๋ยบำรุงบ้างตามความเหมาะสม เพียงเท่านี้เจ้าหนามน้อยของเราก็จะเติบโตเป็นกระบองเพชรที่สมบูรณ์แข็งแรงต่อไปได้แล้วละค่ะสำหรับบทความนี้ก็จบลงเพียงเท่านี้ แล้วพบกันใหม่ในบทความหน้านะคะ บ๊ายบายถ่ายภาพโดย ผู้เขียน