เมื่อช่วงปลายเดือนธันวาคม 2562 ที่ผ่านมา เกิดการระบาดของโรคติดต่อระบบทางเดินหายใจในเมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย ประเทศจีน โดยอาการของผู้ป่วย คือ มีไข้สูง และมีอาการของโรคระบบทางเดินหายใจร่วมด้วย เช่น ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก หายใจเหนื่อยหอบ ซึ่งหน่วยงานด้านสาธารณสุขของประเทศจีนได้วิเคราะห์เชื้อไวรัสแล้วพบว่า เป็นเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่ จึงเรียกชื่อของไวรัสชนิดนี้ว่า "Corona Virus" เพราะรูปร่างของไวรัสคล้ายมงกุฏ (Corona ในภาษาละตินแปลว่า มงกุฎ) // ภาพโดย TheDigitalArtist จาก Freepik // ต่อมา ในช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ 2563 องค์การอนามัยโลกได้ประกาศตั้งชื่ออย่างเป็นทางการของเชื้อไวรัสโคโรนาว่า “โควิด 19” หรือ“Covid-19” ซึ่งย่อมาจาก “CoronaVirus Disease Starting in 2019” เหตุเพราะโรคที่เกิดจากไวรัสโคโรนามีจุดเริ่มต้นของการระบาดในปี 2019 นั่นเองค่ะ สำหรับเหตุผลสำคัญที่องค์การอนามัยโลกเห็นสมควรให้มีการตั้งชื่อว่า “โควิด 19” ก็เพื่อหลีกเลี่ยงการอ้างอิงถึงสัตว์ ชนิดของสัตว์ ชื่อคน วัฒนธรรม ประชากร อุตสาหกรรม อาชีพ หรือสถานที่ตามภูมิศาสตร์ รวมทั้งเพื่อไม่ให้สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ได้รับผลกระทบ หรือถูกตีตราจากประชาคมโลก เพราะชื่อดังกล่าวถูกนำมาตั้งเป็นชื่อของไวรัสนี้ // ภาพโดย jcomp จาก Freepik // จนถึงปัจจุบัน มีการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสโควิด 19 ไปยังภูมิภาคต่าง ๆ ทั่วโลก โดยข้อมูลสถิติการแพร่ระบาด ณ วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2563 เรียงตามลำดับได้ดังนี้ค่ะ จีน มีผู้ติดเชื้อ 76,936 มีผู้เสียชีวิต 2,441 รักษาหาย 22,888 ราย เกาหลีใต้ มีผู้ติดเชื้อ 556 มีผู้เสียชีวิต 4 รักษาหาย 18 ราย ญี่ปุ่น มีผู้ติดเชื้อ 135 มีผู้เสียชีวิต 1 รักษาหาย 22 ราย สิงคโปร์ มีผู้ติดเชื้อ 89 มีผู้เสียชีวิต 0 รักษาหาย 49 ราย อิตาลี มีผู้ติดเชื้อ 79 มีผู้เสียชีวิต 2 รักษาหาย 2 ราย ฮ่องกง มีผู้ติดเชื้อ 70 มีผู้เสียชีวิต 2 รักษาหาย 11 ราย สหรัฐอเมริกา มีผู้ติดเชื้อ 35 มีผู้เสียชีวิต 0 รักษาหาย 6 ราย ไทย มีผู้ติดเชื้อ 35 มีผู้เสียชีวิต 0 รักษาหาย 20 ราย อิหร่าน มีผู้ติดเชื้อ 29 มีผู้เสียชีวิต 6 รักษาหาย 0 ราย (ข้อมูลจาก : กรมควบคุมโรค) สำหรับประเทศไทยยังคงสามารถควบคุมการแพร่ระบาดในประเทศให้อยู่ในระยะที่ 2 คือ อัตราการติดเชื้อต่ำ และยังไม่มีผู้เสียชีวิต ทั้งนี้ ยังไม่มีแนวโน้มว่าสถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19 จะคลี่คลาย แต่หน่วยงานด้านสาธารณสุขของประเทศไทยก็ยังคงต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด ให้ความรู้ที่ถูกต้องในการป้องกันตนเองของประชาชน เพื่อให้ทุกคนปลอดภัยจากเชื้อไวรัสโควิด 19 ซึ่งวิธีการป้องกันตนเองที่ดีที่สุด คือ การหลีกเลี่ยงการเดินทางไปในพื้นที่แออัด สวมหน้ากากอนามัยทุกครั้งที่ออกจากบ้าน ล้างมือบ่อย ๆ หรือใช้เจลล้างมือ จะช่วยให้ห่างไกลจากเชื้อไวรัส และเชื้อโรคชนิดต่าง ๆ นอกจากนี้ ยังได้มีคำแนะนำสำคัญที่เพิ่มขึ้นมา คือ ให้ยกเลิกการเดินทางไปยังประเทศมีการระบาดภายในประเทศ ซึ่งเป็นการแพร่ระบาดระยะที่ 3 ทำให้พบผู้ป่วยมากกว่า 1,000 รายต่อวัน และมีผู้ป่วยเสียชีวิตทุกวัน สำหรับประเทศที่ไม่ควรเดินทางไปในช่วงนี้ คือ “จีน ไต้หวัน ฮ่องกง มาเก๊า ญี่ปุ่น และสิงคโปร์” เพราะนักเดินทางมีโอกาสได้รับเชื้อไวรัสโควิด 19 แล้วมาแพร่ระบาดในวงกว้างภายในประเทศไทยอย่างแน่นอน ซึ่งหากการแพร่ระบาดเกิดขึ้นจะนำมาซึ่งความเสียหายอย่างมากทั้งต่อชีวิตของผู้คน และเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ // ภาพโดย Freepik จาก Freepik // การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด 19 ไม่ใช่วิกฤติของประเทศใดประเทศหนึ่งแล้วนะคะ ถือเป็นความรับผิดชอบต่อส่วนรวมที่ผู้คนทั่วโลกต้องมีสำนึกร่วมกัน ดังนั้น แม้จะได้ตั๋วท่องเที่ยวราคาถูกเพียงใดก็ตาม ควรหลีกเลี่ยงการเดินทางไปในประเทศที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสนะคะ ไม่ควรเห็นแก่ความสนุกเพียงไม่กี่วัน แต่ต้องมาระทมทุกข์เพราะติดเชื้อที่มีความเสี่ยงต่อชีวิตของตนเองและคนรอบข้าง นอกจากนี้ หากรู้สึกว่าตัวเองเป็นกลุ่มเสี่ยง มีไข้ หรือสงสัยว่าจะติดเชื้อไวรัส ควรหลีกเลี่ยงการไปในพื้นที่สาธารณะ และควรรีบไปพบแพทย์เพื่อเข้ารับการตรวจรักษาโดยทันทีค่ะ เราจะผ่านพ้นวิกฤตินี้ไปได้ ก็ด้วยความร่วมมือร่วมใจในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรค ซึ่งสวมหน้ากากอนามัย และล้างมือให้เป็นนิสัยสามารถป้องกันได้นะคะ สำหรับผู้สนใจ และต้องการติดตามข้อมูลที่เชื่อถือได้เกี่ยวกับ “โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)” สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ศูนย์ปฏิบัติการด้านข่าว กรมควบคุมโรค // เครดิตภาพปกโดย Freepik จาก Freepik //