สงสัยกันมั้ย? ติวอย่างไรให้ติดหมอ เชื่อว่าใครหลายคนในที่นี้ คงจะมีอาชีพในฝันแตกต่างกันมากมาย และปฏิเสธไม่ได้ว่าอาชีพ "หมอ" หรือ "แพทย์" ก็เป็นหนึ่งในอาชีพที่น้อง ๆ หลายคนอยากเป็นกัน ด้วยเหตุผลต่าง ๆ นานาที่อาจจะแตกต่างกันออกไป ซึ่งพี่ขอยังไม่เอ่ยถึงตรงส่วนนี้นะครับ หัวข้อดังต่อไปนี้ ไม่จำเป็นจะต้องเป็นการเตรียมสอบหมอเพียงอย่างเดียว คณะหรือสาขาอื่น ๆ ก็สามารถนำไปปรับใช้ได้เช่นเดียวกันครับผม ไปดูกันเลยครับ1) "เราอยากเป็นหมอ...มากพอหรือเปล่า?" ดังเช่นที่กล่าวไปข้างต้นว่า พี่ขอยังไม่เอ่ยถึงเหตุผลต่าง ๆ นานาในการอยากเป็นหมอ ของแต่ละคนนะครับ แต่หัวข้อนี้จะตระหนักถึงการมีความทะเยอทะยาน ในการเตรียมสอบหมอของเรา หากเรายังลังเล ครึ่ง ๆ กลาง ๆ จะทำให้เราสู้ได้อย่างไม่เต็มที่ และการสู้อย่างไม่เต็มที่นี้อาจนำไปสู่ความผิดหวัง หรือเสียใจในภายหลังได้ว่า ทำไมเราไม่ขยัน เราสู้ไม่พอ แต่หากเราเตรียมใจและตั้งเป้าชัดเจนแล้ว มันไม่มีอะไรมาฉุดเราได้ ซึ่งความทะเยอทะยานนี้ จะนำไปสู่ข้อ 2 "เรามันแน่ จะแพ้ได้ไง"2) "เรามันแน่จะแพ้ได้ไง" เริ่มต้นนะครับ อยากให้ทุกคนมีทัศนคติที่ดี และลบความคิดหรือทัศนคติที่ว่า "เรามันหัวไม่ดี เรียนอย่างไรก็ไปไม่รอด" หรือ "เรามันก็ได้แค่นี้" ...เชื่อว่าต้องมี เราแทบทุกคนต้องมีความคิดนี้อยู่กันทั้งนั้นครับ แต่ว่ามันไม่เท่เอาซะเลย ที่เราจะยอมแพ้ตั้งแต่ยังไม่เริ่ม จริงมั้ยครับ ดังนั้นขอให้น้อง ๆ เชื่อไว้นะครับว่า เราทุกคนมีความสามารถพอ ที่จะพัฒนาตนเองได้เสมอ เราจะเก่งขึ้นไป พัฒนาไปเรื่อย ๆ และสอบให้ได้อย่างแน่นอน แค่เรามั่นใจก็มีชัยไปกว่าครึ่งแล้วครับ😁 (หรือที่เราเรียกกันว่า การมี Growth mindset นั่นเองครับ)3) วางแผนอัปเดตมันไปเรื่อย ๆ ข้อนี้จะเริ่มเข้าสู่เทคนิคในการลงมือเตรียมสอบแล้วนะครับ เราจะต้องวางแผนให้ดี อยากจะพูดว่า วางแผนดีมีชัยไปกว่าครึ่งแล้ว แต่มันจะซ้ำกับด้านบนเลยขอเปลี่ยนเป็น วางแผนตีแตกทุกสนามสอบ แน่นอนครับเราไปเริ่มกันเลยครับผม 3.1) เริ่มต้นจากศึกษาครับว่าเราจะยื่นในรอบไหน ต้องสอบอะไรบ้าง อัตราส่วนคะแนนที่ใช้ว่าคะแนนตัวไหนใช้เยอะใช้น้อย (เราจะได้ให้น้ำหนักการอ่านหนังสือวิชานั้น ๆ ได้อย่างถูกต้อง) 3.2) ดูว่าเรามีเวลาเหลือมากหรือน้อยแค่ไหน 1 ปี, 6 เดือน, 3 เดือน หรือมากหรือน้อยกว่านั้น เพื่อที่ว่าเราจะได้วางแผนในการอ่านหนังสือแต่ละวิชาได้ 3.3) มาถึง "การเริ่มลงมืออ่านลงมือทำ" แล้วนะครับ ส่วนนี้ขึ้นอยู่กับว่าเรามีเวลามากแค่ไหน โดยครั้งนี้พี่จะพูดถึงเรื่องการสอบในรอบ กสพท. นะครับ ซึ่งจะใช้คะแนนคิดเป็นเปอร์เซ็นต์คือ วิชาสามัญ 70% (คณิตศาสตร์ 14% ภาษาอังกฤษ 14% ฟิสิกส์ 9.33% เคมี 9.33% ชีวะ 9.33 % ภาษาไทย 7% สังคม 7%) และวิชาเฉพาะแพทย์อีก 30 % รวมเป็น 100 คะแนน ซึ่งจากสถิติคะแนนสอบติดหมอในมหาวิทยาลัยต่าง ๆ จะอยู่ที่ประมาณ 60++ นะครับ คิดซะว่าทำวิชา 7/10 ของทุกวิชาก็ติดแล้วครับ (พูดเหมือนง่ายเลย ฮ่า ฮ่า) เรามาเริ่มวางแผนกันดีกว่าครับ -เก็บเนื้อหา : ตรงนี้หากเรามีเวลามาก หรือได้เริ่มต้นก่อนก็จะดีมากครับ ค่อย ๆ เก็บเนื้อหาไปให้หมดทุกเรื่องที่จะออกสอบ (เราสามารถไปค้นหาดูได้เลย ว่าเราจะสอบเนื้อหาอะไรบ้าง ตรงไหนไม่ออก เราก็ไม่จำเป็นต้องเน้นก็ได้) - ทำข้อสอบ : การทำข้อสอบสำคัญมาก ๆ สำหรับการเตรียมสอบเลยนะครับ เพราะจะทำให้เราทราบถึงแนวทางของโจทย์ คำนวณเวลาว่าเราจะทำเสร็จทันไหม (วิชาสามัญวิชาละ 90 นาที ความถนัดแพทย์วิชาละ 80 นาที) และเราด้อยเรื่องไหนเป็นต้นครับ แนะนำว่าทำข้อสอบเก่าทุกปี และทุกวิชาเลยนะครับ !!! - ทบทวนเนื้อหาที่เรายังไม่เข้าใจ และส่วนที่เรายังบกพร่อง : หลังจากการทำข้อสอบ เราจะต้องกลับมาประเมินตนเอง ว่าเราบกพร่องตรงไหน เรื่องอะไรบ้าง เช่น คณิตศาสตร์เรื่องตรีโกณยังทำไม่ได้ จำสูตรไม่ได้ วิชาอังกฤษเรายังทำไม่ทัน วิชาฟิสิกส์ยังตีโจทย์ไม่แตก วิชาเคมีเนื้อหายังไม่เข้าใจอย่างลึกซึ้ง หรืออะไรก็ตามแต่ครับ เราต้องทราบถึงจุดด้อยของตน และปรับปรุง เรียนรู้ พัฒนาต่อไป ในทุก ๆ เรื่อง - ทำสรุป : อันนี้แล้วแต่คนและเวลาที่เรามีเหลืออยู่นะครับ หากต้องการทำความเข้าใจให้ดีมากยิ่งขึ้น และจัดระเบียบองค์ความรู้ แนะนำให้ทำครับ จะช่วยให้เราเรียบเรียงความรู้ได้ดี และดึงมาใช้ได้ง่ายกว่าครับ แต่ถ้าไม่มีเวลามากขนาดนั้น แนะนำว่าเก็บประสบการณ์ จากการทำข้อสอบ และทบทวนสิ่งที่ไม่เข้าใจไปเลยครับ - ทำข้อสอบอีกครั้ง+ทบทวนเนื้อหา : ตรงนี้คือการทำซ้ำนั่นเองครับ เราจะมาทำข้อสอบใหม่อีกครั้งนึง จริงอยู่ที่ว่าเราเคยทำข้อสอบชุดเดิมแล้ว อาจจะคุ้น ๆ บ้าง ไม่เป็นไรครับ พยายามเน้นที่วิธีการแก้ปัญหา และทำความเข้าใจในเรื่องนั้น ๆ ครับ และจะเป็นการสร้างเสริมกำลังใจก่อนลงสนามสอบจริง ได้เป็นอย่างดีเลยครับ4) อย่าลืมดูแลสุขภาพกันด้วยนะ ข้อนี้ก็สำคัญมากนะครับ อย่างที่น้อง ๆ ได้อ่านมา พี่จะเน้นเรื่องเราสามารถพัฒนาตนเองได้ สิ่งที่สำคัญคือเราจะต้องพัฒนาในทุกด้านร่วมกันไป หากใจพร้อม กายพร้อม ก็ไม่มีอะไรจะฉุดเราไว้ได้อีกแล้วหล่ะครับ ดังนั้นอย่าลืมพักผ่อนให้เพียงพอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ (อาจจะเน้นเรื่องอาหารบำรุงสมอง ตรงนี้ไปค้นหาดูเองนะจ๊ะ) ออกกำลังกายบ้าง และที่สำคัญเลย คือ อย่าลืมดูแลสุขภาพจิตของเราเช่นกัน การมีความสัมพันธ์ที่ดีกับคนรอบกาย จะช่วยทำให้สุขภาพจิตเราดีขึ้นเป็นอย่างมากเลยหล่ะ สุดท้ายนี้พี่อยากเป็นกำลังใจให้น้อง ๆ ทุกคนในการเตรียมตัวสอบ ขอให้น้องมีความตั้งใจจริง วางแผนให้ดี ทุกอย่างเราสามารถเลือกได้ ว่าเราจะเป็นอย่างไร ขอแค่เรามั่นใจและลงมือทำให้เต็มที่ สู้ ๆ นะครับ และนอกจากนี้ก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่า การเขียนบล็อกครั้งนี้จะเป็นประโยชน์แก่ผู้อ่านต่อไปครับเครดิตภาพภาพปก Berzin / Pixabayภาพที่ 1 Alexas_Fotos / Pixabayภาพที่ 2 Free-Photos / Pixabayภาพที่ 3 F1Digitals / Pixabay