เวลาสงบ ท้องฟ้าโปร่ง สว่างจ้าด้วยแสงตะวันไคร ๆ ก็แลเห็นว่าเรายืนอยู่ที่ไหนเวลาพายุกล้าฟ้าคะนอง ผงคลีฟุ้งตลบไปในอากาศ ไม่เห็นตัวกันต่อพายุสงบฟ้าสว่างไคร ๆ ก็จะเห็นอีกครั้งหนึ่งว่าเรายืนหยู่ที่เดิม และจักหยู่ที่นั่น-กุหลาบ สายประดิษฐ์ - การต่อสู้เพื่อเพื่อช่วงชิงสิ่งต่าง ๆ บนโลกใบนี้นั้นเกิดขึ้นมากมาย การประหัตประหารกันเกิดขึ้นให้เห็นในทุกที่ หากทหารมีปืนเป็นอาวุธปราบเหล่าศัตรู กวี นักคิด นักเขียน ก็มีความคิดจากปลายปากกาเป็นอาวุธ เฉกเช่นเดียวกัน การต่อสู้ทางความคิดเกิดขึ้นทุกยุคทุกสมัย และอยู่ร่วมเคียงบ่าเคียงไหล่มากับการต่อสู้เรียกร้องความเป็นธรรม บทกวี บทความ งานเขียนต่าง ๆ จึงเสมือนเป็นตัวตายตัวแทนที่ออกมาพูดแทนคำพูดอีกนับพัน กุหลาบ สายประดิษฐ์ หรือศรีบูรพา ก็เป็นเช่นนั้น เขาเป็นเช่นหมุดหลักแรกที่ตอกลงบนถนนความคิด เป็นเหมือนเสาต้นแรกที่ปักหลักการลงบนวงการวิชาชีพสื่อมวลชนไทย เป็นตัวแทนของความเป็นมนุษย์ เป็นคนที่ใช้ถ้อยคำความคิดผ่านคมปากกาเพื่อเรียกร้องสิทธิเสรีภาพ เป็นผู้ร่วมก่อตั้งสมาคมหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย และเป็นผู้ต้องหาคดี “กบฏสันติภาพ" ในปี 2495* หมายเหตุคำบางคำเป็นคำสะกดแบบดั้งเดิมภาพโดย iSSANDYกุหลาบ สายประดิษฐ์ หรือศรีบูรพา เป็นที่รู้จักดีในฐานะนักคิดนักเขียน เกิดในช่วงปลายสมัยรัชกาลที่ 5 (2448) เป็นคนที่รักงานเขียนมาตั้งแต่เด็ก เริ่มแต่งนิยายพิมพ์ขายตั้งแต่วัยเรียนที่โรงเรียนวัดเทพศิรินทร์ เขามีความสามารถในด้านการเขียนทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ จนกระทั่งเรียนจบการศึกษามัธยม หรือ ม.8 ในสมัยก่อนนั้น เมื่ออายุได้ 20 ปี และได้กล่าวถึงตนเองว่า “ตั้งแต่เดินออกจากประตูโรงเรียน ข้าพเจ้าก็เดินตรงเข้าไปในประตูของโลกหนังสือ” เขาได้เริ่มต้นชีวิตในโลกหนังสือด้วยการเข้าไปทำงานเป็นผู้ช่วยบรรณาธิการหนังสือ เสนาศึกษาและแผ่วิทยาศาสตร์กุหลาบ สายประดิษฐ์ ได้ร่วมกับเพื่อนชาวเทพศิรินทร์ ก่อตั้งคณะสุภาพบุรุษขึ้น ในปี 2472 ซึ่งเป็นช่วงเดียวกับที่งานวรรณกรรมของไทยได้มีการปรับเปลี่ยน พัฒนาขึ้น ทั้งในรูปแบบ ความคิด และเนื้อหา และเป็นยุคที่เกิดนักคิดนักเขียนขึ้นมาอย่างมากมาย เช่น อบ ไชยวสุ หรือ ฮิวเมอริสต์ มาลัย ชูพินิจ หรือ แม่อนงค์ โชติ แพร่พันธุ์ หรือ ยาขอบ บุญทอง เลขะกุล หรือ วรมิตร ฯลฯ กุหลาบได้ให้ความหมายของ “สุภาพบุรุษ” ว่า ไม่ได้อยู่ที่ชาติกำเนิด หากอยู่ที่การเสียสละ “ผู้ใดเกิดมาเป็นสุภาพบุรุษ ผู้นั้นเกิดมาสำหรับคนอื่น” หลังจากนั้นก็ได้ก่อตั้ง นิตยสารสุภาพบุรุษ ซึ่งเป็นนิตยสารรายปักษ์ขึ้นมาภาพโดย iSSANDYผลงานในช่วงแรกที่เป็นที่ฮือฮาของ กุหลาบ สายประดิษฐ์ ก็คือบทความที่ชื่อ “มนุษยภาพ” ที่พูดถึง ความต้องการที่จะมีความเท่าเทียมกันของมนุษย์ ให้เป็นผู้ที่ไม่อยู่ภายใต้พันธนาการของประเพณีและอำนาจดั้งเดิม กล้าสู้กับความจริง เป็นนายของปัจจุบันและอนาคต “มนุษย์เช่นนี้นี่แหละ ที่สร้างให้อุดมการณ์และความใฝ่ฝันของสิทธิเสรีภาพ และความยุติธรรม เป็นจริงขึ้นมาได้” และผลพวงจากบทความชิ้นนี้เอง ทำให้หนังสือพิมพ์ศรีกรุง ผู้พิมพ์บทความของเขาเผยแพร่ ถูกสั่งปิดและถอนใบอนุญาต ในช่วงเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475 กุหลาบ สายประดิษฐ์ ได้เข้าไปเป็นบรรณาธิการ หนังสือพิมพ์ประชาชาติรายวัน งานเขียนของเขาส่วนใหญ่เป็นเรื่องเกี่ยวกับระบอบประชาธิปไตย สิทธิเสรีภาพ ความเสมอภาคของประชาชน อีกหนึ่งปีต่อมาเขาเขียนบทความคัดค้านการปิดสภาผู้แทนราษฎรโดยไม่ถูกต้องของรัฐบาล จนเป็นเหตุให้หนังสือพิมพ์ประชาชาติรายวันถูกสั่งปิด จากนั้น กุหลาบ สายประดิษฐ์ จึงได้บวชพระและสึกออกมาแต่งงานกับ ชนิด ปริญชาญกุล นักเขียนนามปากกา จูเลียต ในปี 2478 ก่อนที่จะเดินทางไปดูงานกับ หนังสือพิมพ์อาซาฮี ที่ประเทศญี่ปุ่น ที่นี่เอง กุหลาบ สายประดิษฐ์ ได้เขียนนิยายเรื่อง ข้างหลังภาพ อันโด่งดังจนถึงทุกวันนี้ออกมาถ้อยคำจากข้างหลังภาพภาพโดย iSSANDYหลังจากกลับเมืองไทย กุหลาบ สายประดิษฐ์ ได้ทำงานเป็นบรรณาธิการที่ หนังสือพิมพ์ประชามิตร-สุภาพบุรุษ เขาเขียนบทความคัดค้านการฟื้นฟูระบบบรรดาศักดิ์ และคัดค้านการประกาศเข้าร่วมสงครามโลก และผลจากบทความทั้งสองทำให้เขาถูกจับในข้อหา กบฏภายในและภายนอกราชอาณาจักร แต่ก็ถูกปล่อยตัวออกมาหลังจากนั้นสามเดือน จนกระทั่งประเทศไทยเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 2 นั่นเอง กุหลาบ สายประดิษฐ์ จึงได้เข้าร่วมกับขบวนการเสรีไทย ร่วมงานกับ ปรีดี พนมยงค์อาชญากรผู้ปล่อยนกพิราบ ภาพโดย iSSANDYภายใต้นามปากกา ศรีบูรพา กุหลาบ สายประดิษฐ์ ผลิตผลงานออกมามากมาย ทั้งบทความ บทวิจารณ์ นวนิยาย เรื่องสั้น ทั้งในที่แจ้งและในที่ลับ ที่เป็นงานทางด้านความคิดทางการเมือง การต่อสู้ทางชนชั้น และกระบวนการสันติภาพ เขายังมีนามปากกาแฝงอื่นเพื่องานเขียนอีก เช่น อิสสรชน ดอกประทุม ชื่นใจ นายเทพปรีชา มะกะโท อุบาสก เพื่อเขียนงานที่แตกต่างกันออกไป ในปี 2495 กุหลาบ สายประดิษฐ์ ได้ถูกจับอีกครั้งในข้อหากบฏภายในและภายนอกราชอาณาจักร หรือที่ถูกเรียกขานว่า กบฏสันติภาพ ถูกให้จำคุกที่เรือนจำบางขวาง 13 ปี 4 เดือน ก่อนจะได้รับนิรโทษกรรมในอีก 4 ปีต่อมา ในการถูกจับขังครั้งนี้เอง เขาได้เขียนงานที่โด่งดังขึ้นมาอีกชิ้นหนึ่ง นั่นคือ แลไปข้างหน้า และเขียนกลอนเปล่าอันโด่งดังที่ชื่อ “อาชญากรผู้ปล่อยนกพิราบ” หลังเข้าสู่ยุครัฐบาลของจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัตน์ ชื่อและผลงานของ กุหลาบ สายประดิษฐ์ ก็เหมือนจะค่อย ๆ เงียบหายไป จนกระทั่งเขาได้เขียนกลอน “พลังประชาชน” ขึ้นอีกครั้งในวันที่นักศึกษาและประชาชน ได้รับชัยชนะในการเรียกร้องประชาธิปไตย 14 ตุลา 2516 ซึ่งว่ากันว่าเหมือนจะเป็นบทกวีชิ้นสุดท้ายของเขา ก่อนที่จะเสียชีวิต ณ กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน ในวัย 69 ปี กุหลาบ สายประดิษฐ์ ทิ้งถ้อยคำแห่งความเท่าเทียมไว้ในผลงานของเขา เป็นเหมือนหมุดหมายทางความคิดอย่างเป็นเหตุเป็นผล กุหลาบ สายประดิษฐ์ – ศรีบูรพา ได้รับการยกย่องจากองค์การยูเนสโกว่าเป็นบุคคลสำคัญทางประวัติศาสตร์ไทย เป็นลมหายใจแห่งตำนานของนักเขียนผู้ไม่สยบยอม ภาพปกโดย iSSANDY