กระเทียมดำ เป็นสิ่งที่ดิฉันได้ยินชื่อมาสักพักแล้วค่ะคุณ กระทั่งได้มีโอกาสไปเจอกับ กระเทียม'โทน'ดำ ที่ร้านขายผลิตกัณฑ์เพื่อการเกษตรแห่งหนึ่ง เมื่อหยิบขึ้นมาอ่านก็พบว่าเป็นผลผลิตจาก กลุ่มกระเทียมดองน้ำผึ้งบ้านนาเหนือ จังหวัดศรีสะเกษ เลยแปลกใจว่าจังหวัดที่ดิฉันอยู่มีการทำสินค้าตามเทรนด์สุขภาพไวขนาดนี้เชียวหรือ? ไม่รอช้าสาวงามสอยมาโดย 1 กระปุก ราคา 140 บาท ปริมาตร 100 กรัม ลักษณะเป็นกระปุกใสตามภาพเลยค่ะ ด้านหน้าฝามีเขียนถึงหน่วยงาน nfi สถาบันอาหารกระทรวงอุตสาหกรรม ซึ่งผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการดูแลภายใต้โครงการเพิ่มศักยภาพการค้าการลงทุนตามแบบชายแดน และเชื่อมโยงระเบียงเศรษฐกิจภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2561 โดยคณาจารย์ สาขาวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอาหาร ดิฉันจึงถึงบางอ้อว่าผลิตภัณฑ์พื้นถิ่นนี้มาได้ไกลเพราะได้รับการแนะนำดูแลจากองค์กรเครือข่ายภายใต้กระทรวงอุตสาหกรรม เป็นผลงานของภาครัฐที่ปรากฏออกมาเป็นรูปเป็นร่างอย่างเด่นชัด อันนี้ดิฉันต้องขอชื่นชมค่ะคุณ เมื่อเปิดฝาออกจะพบกับกระเทียมโทนดำที่ปอกเปลือกแล้ว มีซองกันชื้นแนบมาด้วย ดิฉันต้องขอบอกคร่าว ๆ เกี่ยวกับคุณประโยชน์ของเจ้ากระเทียมนี้สักหน่อย หลัก ๆ คือ ลดคลอเรสเตอรอล ลดความดัน ลดน้ำตาล มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง โดยรวมแล้วมีผลวิจัยว่าสารอาหารมีมากกว่ากระเทียมสดหลายเท่า ซึ่งเจ้ากระเทียมโทนดำนี้เดิมมีมานานแล้วในต่างประเทศแถบญี่ปุ่น จีน เกาหลี ก่อนจะเริ่มแพร่ความนิยมไปยังประเทศต่างๆ ซึ่งไทยเรารู้สึกว่าจะมาเป็นที่รู้จักเมื่อสองสามปีมานี้เอง สีของมันไม่ได้ดำอย่างนี้มาตั้งแต่แรกนะคะ แต่เกิดจากการนำกระเทียมไปบ่มทั้งเปลือก โดยควบคุมอุณหภูมิและระดับความชื้นสัมพัทธ์เป็นระยะเวลาประมาณ 3 เดือน สีของกระเทียมจะเริ่มเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลแล้วค่อย ๆ กลายมาเป็นสีดำในที่สุด ในท้องตลาดมีขายแบบที่มาทั้งเปลือกและแบบแกะเปลือกมาให้ รสชาติไม่ต่างกัน อันนี้ดิฉันมองว่าแล้วแต่ความชอบ ด้วยความที่เนื้อของกระเทียมดำจะนุ่มหนืด ทิ้งสีเปื้อนไว้ตามจุดที่วางหรือสัมผัส จึงมีความเป็นไปได้สูงที่บางเจ้าเลือกจะขายแบบทั้งเปลือกเพื่อกันไม่ให้สีของกระเทียมไปเปื้อนผลิตภัณฑ์จนเป็นรอย แถมยังดูมีเสน่ห์ไปอีกแบบด้วย ในด้านของรสชาตินั้น เนื้อสัมผัสคล้ายกับเจลลี่อย่างไรอย่างนั้นเลยค่ะคุณ เคี้ยวแล้วหนึบนุ่มอยู่ในปาก มีรสหวานอันเป็นผลมาจากกระบวนการหมัก ไม่ได้มีการเติมรสหวานสังเคราะห์เข้าไปแต่อย่างใด กลิ่นฉุนของกระเทียมลดลงมาก แทบจะเหลือกลิ่นเพียงแค่ 10-20 เปอร์เซนต์เท่านั้น จึงทานง่ายสำหรับทุกเพศทุกวัย แต่สำหรับดิฉันไม่ค่อยถนัดกลิ่นนี้เท่าไหร่ แต่ประทับใจเนื้อสัมผัสแบบเจลลี่หวาน ๆ นี้มาก และที่ต้องทึ่งคือคุณยายของดิฉันผู้ซึ่งปฏิเสธการกินอาหารใด ๆ ก็ตามที่มี'สีดำ'มาโดยตลอด แบมือมาขอกินทั้งลูก เคี้ยวหนุบหนับ และชอบมันมาก ดิฉันจึงได้อาหารเสริมตัวใหม่ที่ยายสามารถทานง่ายเหมือนกับทานเล่นได้ โดยคำแนะนำว่าเพื่อประโยชน์สูงสุดควรทานตอนเช้ายามที่ท้องยังว่าง 1-6 เม็ด แล้วแต่จุดประสงค์ ทีนี้ดิฉันจะมาแชร์การทานด้วยแนวทางอื่นสำหรับผู้ที่ไม่สะดวกใจจะทานแบบสดทั้งลูกค่ะ เป็นสูตร มายองเนสกระเทียมโทนดำ อย่างง่าย ส่วนประกอบ มายองเนส ยี่ห้อคิวพี ขนาด 130 ml. กระเทียมโทนดำ 6 ลูก แก้วทรงสูง เครื่องบดมือถือ ขั้นตอนการทำ 1.บีบมายองเนสลงไปในภาชนะทรงสูงจนหมดขวด 2.ใส่กระเทียมดำ 3.ใช้เครื่องบดแบบมือถือกดลงไปบดจนละเอียด ภาพด้านล่างคือลักษณะใบมีด เป็นเครื่องบดสำหรับบดซุปหรือเกรวี่แบบทนความร้อนค่ะคุณ การทำงานคือเสียบปลั๊ก จุ่มด้านใบมีดลงไปในสิ่งที่จะบด แล้วกดปุ่มบด ยกขึ้นยกลงระหว่างนั้น ใช้เวลาไม่ถึงนาทีก็เสร็จค่ะ เมื่อบดแล้วจะได้มายองเนสสีน้ำตาลคาราเมลดังภาพ รสชาติจะหวานกว่าตัวเบสมายองเนสที่เราใช้เพราะกระเทียมของเรามีความหวานในตัวอยู่ก่อนแล้ว กลิ่นของกระเทียมเมื่อผสมกับมายองเนสแล้วมีความหอมพิเศษขึ้น ทานง่ายขึ้น ตัวของมายองเนสเมื่อนำไปแช่เย็นจะมีความหยุ่นเพราะกระเทียมที่เราบดใส่มีเนื้อสัมผัสแบบเจลลี่ การทาน สามารถใช้เป็นดิป หรือใช้เป็นสเปรดทาบนขนมปังก็ได้ ดิฉันทาลงบนครัวซองต์ค่ะคุณ วางผักคอสจากสวนแก้วลงไป ประกบเข้ากันแล้วทานได้เลย เป็นอาหารสุขภาพแนวใหม่ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวมากค่ะคุณ ดิฉันมองว่าด้วยความที่มีรสหวานและเวลาทานเหมือนกับเคี้ยวเจลลี่ น่าจะทำให้เด็ก ๆ ทานง่ายด้วย หวังว่าบทความนี้จะมีประโยชน์ต่อคุณผู้อ่านไม่มากก็น้อยนะคะ เจอกันบทความหน้า รักค่ะคุณ บาย ภาพประกอบ : พริกเผ็ด(ผู้เขียน)