สำหรับใครที่เป็นแฟนนวนิยายของมูราคามิอย่างเหนียวแน่น คงได้ข่าวกันแล้วใช่หรือไม่ว่า ตอนนี้มีนวนิยายเล่มใหม่ของมูราคามิได้วางตลาดเรียบร้อยแล้ว จัดอยู่ในหมวดหมู่นวนิยายเรื่องยาว เนื่องจากเป็นหนังสือสองเล่มจบ ที่เล่มแรกนั้นมีชื่อว่า สำแดงแห่งมโนภาพและเล่มที่สองชื่อว่าอุปลักษณ์ลอยเลื่อนเล่มแรกว่าด้วยชีวิตของจิตรกรภาพวาดพอร์ตเทรทที่โดนภรรยาบอกเลิก เขาใช้ชีวิตหลังจากวันนั้นด้วยการขับรถร่อนเร่ไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งได้รับการอุปการะจากเพื่อนสนิทให้พักอยู่บ้านเก่าของพ่อที่เป็นจิตรกรใหญ่เช่นกัน ที่นั่นเขาได้เจอทั้งภาพวาดลึกลับ เสียงปริศนายามค่ำคืน เพื่อนบ้านเพียบพร้อมผู้มีบาดแผลซ่อนเอาไว้ และมโนภาพที่มาสำแดงให้เห็นภาพจาก pixabay.com โดย tookapic สำหรับเล่มแรกนี้ ผู้รีวิวมีความคิดเห็นว่าเป็นลีลาการเขียนที่แตกต่างออกไปจากเล่มเดิม ๆ ของมูราคามิอยู่บ้าง ปกติแล้ว เรามักจะมองเห็นความโดดเดี่ยว อ้างว้าง อวลฟุ้งอยู่ในบรรยากาศของนวนิยายแทบทุกเล่มของมูราคามิ แต่ในขณะที่เล่มนี้กลับอวลด้วยความลึกลับและน่าพรั่นพรึง ความไม่ไว้วางใจที่ถูกหว่านไว้ทั่วทุกหย่อมหญ้าของทุกตัวอักษร ถือเป็นอีกหนึ่งรสชาติที่ไม่ค่อยได้สัมผัสสักเท่าไรนักสำหรับหนังสือเล่มอื่น ๆ ของมูราคามินั้น ส่วนมากจะเป็นนวนิยายที่มีความแฟนตาซี หรือบางเล่มก็เป็นแนวชีวิต ซึ่งหากว่าเป็นแนวชีวิตจะอ่านง่ายกว่าแนวแฟนตาซีอยู่สักหน่อย เพราะแนวแฟนตาซีประกอบด้วยสัญลักษณ์มากมายในเรื่อง ยกตัวอย่างเช่น 1Q84 ซึ่งประกอบไปด้วยสัญลักษณ์ยาก ๆ บางทีหากคนที่ไม่เคยอ่านหนังสือของมูราคามิ อาจจะรู้สึกว่าไม่เข้าใจ หรืออย่างเรื่อง คาฟคา วิฬาร์ นาคาตะ เรื่องนี้ก็เป็นนวนิยายแนวแฟนตาซีที่ประกอบไปด้วยสัญลักษณ์หลากหลายอีกเช่นกัน การตีความเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับนักอ่าน ดังนั้นหากใครสมัครใจจะอ่านแนวแฟนตาซี แนะนำว่าเปิดใจให้กว้าง ๆ ทำใจให้โล่ง พร้อมรับสิ่งใหม่ จินตนาการที่เพริดแพร้วไปด้วยจะดีที่สุด แล้วหลังจากอ่านจบ ให้ค่อย ๆ นิ่งคิดไปถึงเนื้อหาในเรื่อง ให้เนื้อเรื่องตกตะกอนในหัวใจ แล้วจะรู้สึกว่า นวนิยายของนักเขียนท่านนี้ไม่ได้อ่านยากอย่างที่คิดดังนั้น หากคนที่เป็นมือใหม่หัดอ่านมูราคามิ ขอให้อ่านแนวชีวิตที่ไม่มีความแฟนตาซีจะดีกว่า สำหรับเล่มที่ผู้รีวิวแนะนำให้อ่าน ก็น่าจะเป็น ด้วยรัก ความตาย หัวใจสลาย นวนิยายที่ว่าด้วยโศกนาฏกรรมความรัก เล่มนี้เป็นเล่มที่แฟนมูราคามิ 90 เปอร์เซ็นต์หลงรัก รองลงมาแนะนำเป็นเรื่องการปรากฏตัวของหญิงสาวในคืนฝนตก ว่าด้วยความรักในวัยรุ่นที่ยังติดค้างอยู่ในใจชายวัยกลางคนที่ประสบความสำเร็จในชีวิต เล่มนี้จัดว่าอ่านอ่านง่าย เหมาะกับนักอ่านมือใหม่แต่ในส่วนตัวแล้ว หากมีใครมาถามผู้รีวิวว่า อยากเริ่มอ่านมูราคามิ จะเริ่มจากเล่มใดดี ผู้รีวิวมักจะแนะนำ ชายไร้สีกับปีแสวงบุญ มากกว่า เพราะชอบเป็นการส่วนตัวด้วยในจุดหนึ่ง บวกกับเนื้อเรื่องที่ร่วมสมัย มีความโดดเดี่ยวและเปลี่ยวเหงา ทำให้ผู้อ่านอินไปกับตัวละคร ทซึคุรุไปได้เป็นอย่างดี เล่าถึงเล่มอื่น ๆ ของมูราคามิไปแล้ว ขอเล่าถึง สังหารจอมทัพอัศวิน ต่อนะคะ อีกหนึ่งสิ่งที่เด่นมากไม่แพ้กันในเล่มแรกคือการบรรยายความรู้สึกของตัวละครขณะวาดภาพ การใช้สี การให้ความรู้หรือกล่าวถึงจิตรกรชื่อดังอย่างแรมบรันต์ หรือแวนโก๊ะห์ รวมไปถึงการกล่าวถึงภาพวาดชื่อดังในอดีตอย่างละเอียดลออ ทำให้สัมผัสอีกหนึ่งโมเม้นต์ในการอ่านมูราคามิแบบที่ไม่เคยพานพบในเล่มอื่น ๆ จุดนี้ยกย่องผู้เขียนมากที่บรรยายความรู้สึกขณะวาดภาพได้ราวกับว่าตนเองเป็นจิตรกรเลยทีเดียวเสน่ห์ของนวนิยายมูราคามิทุกเรื่องคือการบรรยายความรู้สึก กิจวัตรประจำวัน และความในใจของตัวเอกในเรื่องอย่างละเอียดลออ ทำให้เรารู้สึกเหมือนตัวเราเป็นตัวละครตัวนี้ หรือรู้สึก "ผูกพันร่วม" กับตัวละคร การละเลียดอ่านไปเรื่อย ๆ ทำให้เกิดความรู้สึกสงบใจได้อย่างประหลาด และทำให้หลงรักงานเขียนของมูราคามิเข้าอย่างจังเล่มที่สองซึ่งชื่อว่าอุปลักษณ์ลอยเลื่อน เป็นลีลาการเขียนที่หลายคนซึ่งเป็นแฟนพันธุ์แท้น่าจะคุ้นเคยกันดี เพราะเต็มไปด้วยสัญลักษณ์ และความแฟนตาซีที่เหมือนรวมเอาทุก ๆ เล่มมาไว้ในเล่มนี้เลยก็ว่าได้ ไม่ว่าจะเป็นหลุมลึกทะลุมิติ เด็กหญิงที่มีความคิดประหลาด วิญญาณคนเป็นที่ยังโหยหากับสิ่งที่ยึดติดไว้ หรือแม้กระทั่ง ชายที่ถูกภรรยาบอกเลิก เพลงโอเปร่า ตัวละครที่ชอบออกกำลังกาย ตัวละครที่ทำอาหารเก่งสิ่งเหล่านี้หากอ่านมูราคามิมาครบทุกเล่มก็จะต้องคุ้นเคยอย่างแน่นอนเมื่ออ่านจบแล้ว สิ่งหนึ่งที่บังเกิดในความรู้สึกของผู้เขียนคือความประทับใจในหลายอย่าง อย่างแรกคือตัวละครที่ชื่อเม็นชิกิ หนุ่มสุดแสนเพอร์เฟ็กต์เพื่อนบ้านพระเอก ซึ่งนาน ๆ ครั้งที่จะเจอกับคนบุคลิกแบบนี้ในนวนิยายของมูราคามิ เป็นคนที่มีฐานะพรั่งพร้อม แต่ทว่ามีบาดแผลในใจที่ทำอย่างไรก็ไม่ลบเลือน ซึ่งมีแต่เจ้าตัวเท่านั้นที่รู้ว่าแผลของเขาคือแผลประเภทใด ความประทับใจอีกประการคือเรื่องของการบรรยายความรู้สึกขณะวาดของตัวเอก ในเรื่องตัวเอกเป็นจิตรกรที่วาดภาพพอร์ตเทรตเก่งมาก และมูราคามิทำให้เราเชื่อในความเก่งกาจของตัวเอก (แทนชื่อว่า "ผม" ) ในด้านของการวาดรูป และสุดท้ายคือความประทับใจในความระทึกที่เกิดขึ้นในเรื่อง ช่วงต้นเล่มจะมีความลึกลับแฝงเร้นในเรื่องหลายต่อหลายประการ ทำให้เรารู้สึกว่า "มีแต่เรื่องที่ไม่น่าไว้ใจ" แต่ก็อยากจะอ่านต่อ เพราะความลึกลับที่ชวนให้ขุดค้นหาว่าความจริงคืออะไรเป็นอีกหนึ่งเล่มที่ชอบมาก และถือว่าคุ้มค่าสำหรับการรอคอยหนังสือของมูราคามิเลยทีเดียว ราคาอาจจะแพงมากพอสมควร คือ 990 บาท ยิ่งในช่วงเศรษฐกิจแบบนี้อาจจะตัดสินใจซื้อยากเลยทีเดียว แต่เคราะห์ดีที่ผู้เขียนนั้นสั่งจองไว้กับร้านหนังสืออิสระตั้งแต่ยังไม่มีสภาวะวิกฤติเศรษฐกิจ Covid -19 การได้มาอ่านหนังสือมูราคามิ ในช่วงที่สภาพจิตใจย่ำแย่ กลายเป็นเครื่องปลอบประโลมใจได้เป็นอย่างดี และรู้สึกเสียดายมากที่อ่านจบเร็ว (ใช้เวลาอ่าน 3-4 วันโดยประมาณ) ตอนแรกเราตั้งใจว่าจะเก็บไว้อ่านนาน ๆ แต่ความสนุกและตื่นเต้น ก็ทำให้ต้องรีบเร่งอ่านรุดหน้าเลยทีเดียวสำหรับเล่มนี้ เหมาะสมกับนักอ่านหนังสือมูราคามิระดับกลาง หมายถึงเคยอ่านมาบ้างจะดีกว่า เพราะเนื้อเรื่องค่อนข้างยาวค่ะ ส่วนใครที่รักหนังสือมูราคามิอยู่แล้ว นี่คือเล่มที่ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวงจริง ๆ นะคะภาพโดยผู้เขียน