เพื่อน ๆ เคยเป็นริดสีดวงกันไหมคะ อาการหนักหรือไม่ นานเท่าไรกว่าจะหาย หรือทำอย่างไรให้หายกันคะ ผู้เขียนเคยเป็นริดสีดวงมาก่อนตอนช่วงเรียนมหาวิทยาลัย อาการเริ่มแรกคือเจ็บบริเวณทวารหนัก รู้สึกเหมือนมีก้อนเนื้อยื่นออกมารอบ ๆ และมีลิ่มเลือดสด ๆ ออกมาระหว่างขับถ่าย ช่วงนั้นเป็นช่วงที่ต้องทำโปรเจคส่ง ไม่มีเวลาพักผ่อนเท่าไร แต่พออาการหนักขึ้น ต้องหยุดการทำโปรเจคและหยุดเรียน พักรักษาตัวอยู่บ้านประมาณ 2-3 วันก็หาย จากนั้นก็ไม่เป็นอีกเลย จนกระทั่งเรียนจบและทำงาน อาการริดสีดวงก็กำเริบขึ้นอีกแต่ไม่หนักมาก สาเหตุเกิดจากการนั่งขับถ่ายเป็นเวลานาน เพื่อรอให้อุจจาระออกมาจากลำไส้ให้หมด และผลที่ตามมาก็คือเป็นริดสีดวงแบบไม่รุนแรงมากนัก เพียงกินยาและเหน็บยาจนอาการดีขึ้นและหายไปเอง จนกระทั่งครั้งนี้ Source: Freepik เริ่มต้นตอนต้นเดือนกุมภาพันธ์ของปีนี้ รู้สึกมีอาการเหมือนอาหารเป็นพิษ แต่ไม่ได้อาเจียนหรือขับถ่ายเหลว ผู้เขียนจึงเข้าห้องน้ำล้วงคอให้อาเจียน และนั่งเบ่งขับถ่าย เพื่อกำจัดอาหารที่เป็นต้นตอเหล่านั้นออกมา พยายามอยู่หลายครั้งจนกระทั่งสำเร็จ อาการอาหารเป็นพิษเริ่มดีขึ้น แต่ผลจากการออกแรงเบ่งอุจจาระและการเกร็งท้องอาเจียน ทำให้ริดสีดวงกำเริบขึ้นอีกครั้งในสองสามวันต่อมา ซึ่งเป็นช่วงวันหยุดยาวพอดี Source: Freepik ผู้เขียนเริ่มเจ็บแสบบริเวณทวารหนักอยู่ตลอดเวลา เมื่อใช้มือคลำก็พบว่า มีติ่งเนื้อแข็งประมาณปลายข้อนิ้วชี้ยื่นออกมาใกล้ ๆ รูทวาร จึงเริ่มรักษาโดยการเหน็บยาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้การเหน็บยาไม่ได้ทำให้อาการดีขึ้น ผู้เขียนรู้สึกเจ็บ แสบ และปวดทรมานมากอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน จึงลองส่องกระจกดูที่บริเวณทวารหนัก ก็พบว่า ติ่งเนื้อก้อนเดิมเริ่มขยายตัวเท่าข้อนิ้วชี้ และมีติ่งเนื้องอกเพิ่มขึ้นมาเป็นลูกใหญ่จนคับรูทวาร โดยที่ยังไม่มีเลือดออกมาระหว่างการขับถ่าย แต่อาการหนักครั้งนี้สร้างความกังวลใจให้ผู้เขียนอย่างมาก เพราะไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากนอนอยู่บนเตียง เลื่อนหน้าจอมือถือหาข้อมูลเรื่องริดสีดวงตลอดทั้งวัน เจอทั้งข้อมูลเกี่ยวกับอาการและการรักษา และประสบการณ์จริงจากคนที่เคยเป็นมาก่อน ยิ่งอ่านก็ยิ่งเครียด เพราะไม่มีวิธีที่รักษาให้หายทรมานได้ภายในวันสองวัน ต้องใช้เวลาเป็นอาทิตย์ หรือเป็นเดือน และมีหลายความเห็นแนะนำให้ผู้ป่วยไปหาหมอเพื่อวินิจฉัยอาการ บางความเห็นได้เล่าถึงประสบการณ์การผ่าตัดริดสีดวง ผู้เขียนอ่านแล้วรู้สึกว่าขมิบรูทวารอยู่ตลอดเวลา Source: Freepik จากวันหยุดยาว 3 วัน เข้าสู่ช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ อาการริดสีดวงไม่ดีขึ้น ผู้เขียนไม่สามารถไปทำงานได้ จึงหยุดลาป่วยสี่วัน และไปหาหมอเพื่อตรวจดูอาการ แต่ไม่สามารถตรวจละเอียดได้เนื่องจากหัวริดสีดวงอักเสบและบวมมาก หมอวินิจฉัยว่าเป็นโรคริดสีดวงชนิดภายนอก โดยจ่ายยาแก้ปวดและแก้อักเสบสองชนิด อย่างละสองแผง ให้รับประทานติดต่อกันเพื่อลดอาการอักเสบ แต่ผลข้างเคียงของยาชนิดดังกล่าวคือ ทำให้ท้องผูก แต่ผู้เขียนจำเป็นต้องรับประทาน เพราะเป็นทางเดียวที่จะบรรเทาอาการอักเสบได้ สัปดาห์ต่อมาผู้เขียนเริ่มกลับไปทำงานตามปกติ พร้อมกับซื้อหมอนโดนัท (มีรูตรงกลาง) ไว้นั่งขณะทำงาน เพื่อไม่ให้ทวารหนักสัมผัสกับเก้าอี้เบาะแข็ง สามารถนั่งทำงานได้ แต่ยังไม่สามารถยืนหรือเดินเป็นเวลานาน ๆ ได้ อาการอักเสบและบวมเริ่มลดลง แต่ขับถ่ายลำบากมากขึ้น เพราะมีอาการท้องผูกอย่างรุนแรง ความรู้สึกเวลาขับถ่ายแต่ละครั้งเหมือนมีใครเอามีดกรีดรูทวาร เพราะโดนอุจจาระที่แข็งเสียดสีรูทวารทุกครั้งที่ขับถ่าย และมีเลือดสด ๆ ออกมาทุกครั้ง แม้ว่าจะขับถ่ายเสร็จแล้ว ก็ยังมีอาการเจ็บแสบต่อไปอีกหลายชั่วโมง จนหวาดผวากลัวการเข้าห้องน้ำ ผู้เขียนทนกับอาการลักษณะนี้ตลอดทั้งสัปดาห์แรกที่กลับไปทำงาน ทำให้ไม่มีสมาธิในการทำงานเท่าไรนัก ภาพประกอบโดยผู้เขียน ผ่านไปสัปดาห์กว่า ๆ ผู้เขียนลองเอากระจกส่องดูที่ทวารหนักอีกครั้ง หัวริดสีดวงทั้งหมดหดลงเหลือประมาณข้อนิ้วชี้และเริ่มนิ่มลงแล้ว เมื่อรับประทานยาหมดแล้ว ผู้เขียนไปซื้อยาสมุนไพรที่ชื่อว่า เพชรสังฆาต ชนิดแคปซูลมารับประทานเพื่อรักษาอาการที่ยังเหลืออยู่ให้หายขาด โดยรับประทานครั้งละสองถึงสามเม็ด หลังจากที่รับประทานเพชรสังฆาตไปสักระยะ ผู้เขียนรู้สึกขับถ่ายได้ดีขึ้นแม้ว่าจะยังเจ็บอยู่บ้าง และหัวริดสีดวงก็ค่อย ๆ หดลงอย่างช้า ๆ จนกระทั่งเหลือประมาณปลายข้อนิ้วชี้ เป็นสัญญาณว่าใกล้จะหายแล้ว เหมือนทุกครั้งที่เคยเป็นมาก่อน ผ่านไปจนถึงปลายเดือนกุมภาพันธ์ ผู้เขียนก็หายจากอาการริดสีดวง และกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ 100% จนถึงวันที่กำลังนั่งเขียนบทความเรื่องนี้ อาการป่วยครั้งนี้ผู้เขียนนึกถึงสุภาษิตที่ว่า ไม่เห็นโลงศพ ไม่หลั่งน้ำตา เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เป็นริดสีดวง ผู้เขียนเคยเป็นมาหลายครั้งแล้ว แต่ไม่เคยมีอาการหนักเท่ากับครั้งนี้ เหมือนเป็นสัญญาณเตือนให้เลิกพฤติกรรมเสี่ยงได้แล้ว และครั้งนี้ได้ผลจริง ผู้เขียนได้ปรับและเลิกพฤติกรรมเสี่ยงต่อการเป็นริดสีดวงทุกอย่าง ตอนนี้ ผู้เขียนเลิกนั่งแช่อยู่ห้องน้ำเป็นเวลานาน จะเข้าก็ต่อเมื่อรู้สึกปวดอุจจาระจริง ๆ เท่านั้น ใส่ใจกับอาหารการกินให้มากขึ้น รับประทานผักผลไม้ให้มากขึ้น เพื่อช่วยเพิ่มกากอาหาร ทำให้อุจจาระนิ่มและขับถ่ายออกมาได้คล่องขึ้น ไม่ต้องนั่งนาน ๆ เพื่อให้มันออกมาอีกต่อไป Source: Pixabay โดย Shutterbug75 ทั้งหมดนี้คือประสบการณ์การเป็นริดสีดวงที่อยากแบ่งปันให้เพื่อน ๆ ได้รับรู้และระวังพฤติกรรมของตนเอง ไม่ให้เสี่ยงต่อการเป็นริดสีดวงแบบที่ผู้เขียนเคยเป็นมาก่อน ถ้าใครกำลังทำแบบที่ผู้เขียนเคยทำ ให้นึกถึงความทรมานทั้งหมดที่ผู้เขียนบรรยายไว้ข้างต้นค่ะ แล้วเพื่อน ๆ จะไม่กล้าทำอย่างแน่นอน อย่าให้ริดสีดวงทำลายความสุขในชีวิตเลยค่ะ ภาพปก : Pixabay โดย derneuemann (ใส่ข้อความเพิ่มเติมโดยผู้เขียน)