“ยิมโนคาไลเซียม (Gymnocalycium)” หรือที่เรามักจะเรียกสั้น ๆ กันว่า “ยิมโน” นั้นถือเป็นหนึ่งในสายพันธุ์แคคตัสที่เป็นที่นิยมสำหรับนักเพาะเลี้ยงและนักสะสมมากที่สุดตัวหนึ่งเลยทีเดียว ไม่ใช่เพราะแคคตัสสายพันธุ์นี้เป็นแคคตัสที่เลี้ยงง่ายทนแดดทนฝนและขยายพันธุ์ง่ายเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่สายพันธุ์ของเค้ายังสามารถพัฒนาออกมากลายเป็นแคคตัสที่มีผิวหลากสีสันสลับปะปนกันไป ไม่ว่าจะเป็นสีแดง สีส้ม สีเหลือง สีชมพู สีดำ หรือสีอื่น ๆ อีกมากมาย และเราเรียกยิมโนที่มีสีสันอื่น ๆ มาแต่งแต้มบนผิวว่า “ยิมโนด่าง” ภาพถ่ายจากผู้เขียนสำหรับหนึ่งในสายพันธุ์ยิมโนด่างที่ได้รับความนิยมสูงสุดตัวหนึ่งนั้นเป็นยิมโนที่มีชื่อเรียกอันไพเราะเพราะพริ้งว่า Pink Diamond ที่แปลเป็นไทยว่าเพชรชมพู (นิยมเรียกว่า Pink Diamond ไม่นิยมเรียกชื่อที่แปลเป็นภาษาไทย) เจ้าแคคตัสสายพันธุ์นี้มีต้นกำเนิดและถูกพัฒนาสายพันธุ์มาจากฟาร์มแคคตัส กระท่อมลุงจรณ์ ซึ่งถือเป็นแหล่งเพาะและพัฒนาสายพันธุ์แคคตัสที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในประเทศไทยเลยก็ว่าได้ จนกระทั่งปัจจุบัน Pink Diamond ก็ได้กลายเป็นหนึ่งในสายพันธุ์ยิมด่างที่ไม่ว่าใครเห็นก็ต่างอยากจับจองเป็นเจ้าของภาพถ่ายจากผู้เขียนลักษณะโดยทั่วไปของ Pink Diamond นั้นจะมีรูปร่างหน้าตาคล้ายคลึงกันกับยิมโนหัวเขียวธรรมดา แต่จุดเด่นที่ทำให้ Pink Diamond มีความแตกต่างอย่างเห็นได้ชัดก็คือสีชมพูหวาน ๆ ที่แทรกสลับอยู่กับสีเขียวนั่นเองค่ะ ซึ่งลักษณะการกระจายของสีชมพูนั้นอาจมีความแตกต่างกันไป บางต้นอาจจะมีสีชมพูแทรกสลับกับผิวสีเขียวอย่างเป็นระเบียบสวยงาม บางต้นอาจมีสีชมพูกระจัดกระจายปะปนไม่เป็นระเบียบ หรืออย่างต้นที่ผู้เขียนมีอยู่ก็จะมีซีกหนึ่งเป็นสีชมพูทั้งหมด ขณะที่อีกซีกหนึ่งนั้นจะเป็นสีมพูสลับกับสีเขียว แต่แคคตัสที่เป็นสีชมพูทั้งหัวเราจะไม่เรียกว่า Pink Diamond นะคะ สายพันธุ์นั้นจะเรียกว่ายิมโนหัวสีค่ะภาพถ่ายจากผู้เขียนและหากใครที่อาจจะสับสนว่าสีชมพูแบบนี้ใช่ Pink Diamond หรือไม่ เพราะบางต้นอาจจะมีสีชมพูอ่อน แต่บางต้นอาจจะมีสีชมพูสดเลย นั่นเป็นเพราะความเข้มอ่อนของสีชมพูนั้นอาจจะเพิ่มลดตามปริมาณแสงแดดที่ได้รับได้ แต่ที่แน่ ๆ ก็คือเมื่อได้รับแสงแดดอย่างเต็มที่ตรงส่วนสีชมพูจะมีสีที่เข้มขึ้นชัดเจนกว่าเดิม แต่จะไม่เปลี่ยนสีเป็นสีแดงแน่นอนนค่ะและถ้าพูดถึงราคากับความยากง่ายในการหามาสะสม ส่วนใหญ่เรามักจะไม่ค่อยพบเห็นการขาย Pink Diamond กันตามร้านขายแคคตัสทั่วไปเนื่องจากเป็นไม้ที่มีราคาสูงและยังมีการเพาะพันธุ์ทำจำนวนได้ไม่มากนักเมื่อเทียบกับแคคตัสสายพันธุ์อื่น ดังนั้นหากอยากได้มาครอบครองจริง ๆ ก็อาจจะต้องไปหาซื้อ Pink Diamond จากร้านที่ขายยิมโนด่าง อาจจะลงไปเดินชมตามงานแฟร์แคคตัสที่มักจะแคคตัสมากมายหลากหลายสายพันธุ์มาวางขาย ลองค้นหาในร้านค้าออนไลน์ซึ่งก็มีคนมาลงขายบ้าง หรือหากหาไม่ได้จริง ๆ ก็อาจจะต้องตรงดิ่งไปถามซื้อกับกระท่อมลุงจรณ์โดยตรง ค่ะภาพถ่ายจากผู้เขียนและอีกหนึ่งช่องทางการซื้อขายแคคตัสที่ปัจจุบันก็ได้รับความนิยมเช่นกันก็คือกลุ่มซื้อขายแคคตัสใน Facebook ค่ะ เพราะบางครั้งก็มีคนมาลงขายแบบถูก ๆ บ้าง แต่ก็ต้องระวังเรื่องมิจฉาชีพให้ดี ซึ่งปัจจุบันเราก็สามารถหาซื้อยิมโน Pink Diamond มาได้ในราคาหลักร้อยบาทแล้วและน่าจะมีราคาที่ถูกลงกว่าสมัยที่ Pink Diamond เปิดตัวแรก ๆ มากพอสมควร และต้นที่ผู้เขียนได้มานี้ก็มาจากการประมูลแข่งราคากับผู้ประมูลท่านอื่นผ่านกลุ่มประมูลแคคตัสใน Facebook เมื่อประมาณ 2 ปีที่แล้ว ในตอนนั้นวัดขนาดหัวได้ประมาณ 3 เซนติเมตรกว่า ๆ ราคาอยู่ที่ราว ๆ 600 บาทภาพถ่ายจากผู้เขียนแต่ทั้งนี้ราคาของ Pink Diamond ในปัจจุบันนั้นก็ไม่ได้มีการกำหนดตายตัว การตกลงราคาจะขึ้นอยู่กับความพอใจของผู้ซื้อและผู้ขาย ซึ่งราคาก็อาจเพิ่มหรือลดลงกว่านี้ได้ขึ้นอยู่กับความสวยงามของลวดลายสีชมพูบนผิวเป็นหลัก หากมีลวดรายเป็นระเบียบสวยงามมากเท่าไหร่ก็จะยิ่งทำให้เป็นที่ต้องตาต้องใจของนักสะสมมากยิ่งขึ้นเท่านั้น และราคาก็อาจจะบวกเพิ่มไปเป็นหลายพันบาทได้เลยภาพถ่ายจากผู้เขียนในด้านของการขยายพันธุ์นั้นก็ไม่แตกต่างจากแคคตัสทั่วไป แต่ส่วนใหญ่จะนิยมขยายพันธุ์ด้วยการกราฟต์ (Grafting) มากกว่า เพราะวิธีนี้จะทำให้ไม้โตไวและให้หน่อเร็ว สามารถนำไปขยายพันธุ์ต่อโดยการนำไปกราฟต์หรือชำหน่อก็ได้ ส่วนการขยายพันธุ์โดยการเพาะเมล็ดนั้นก็สามารถทำได้เช่นกัน แต่เราจะไม่ค่อยเห็นคนขายเมล็ดพันธุ์ยิมโน Pink Diamond กันเท่าไรนัก เป็นเพราะเจ้าของน่าจะเก็บเมล็ดพันธุ์ที่ได้ไว้เพาะขายทำพันธุ์กันต่อมากกว่า ซึ่งยิมด่างที่เกิดจากเมล็ดพันธุ์นั้นจะมีมูลค่าสูงกว่ายิมด่างที่กราฟต์จากหน่อค่อนข้างมากเลยละค่ะภาพถ่ายจากผู้เขียนและวิธีการเลี้ยงดูแล Pink Diamond นั้นก็ไม่ต่างจากการเลี้ยงแคคตัสสายพันธุ์อื่นนะคะ ได้แก่การรดน้ำเมื่อพบว่าดินปลูกแห้ง ให้ระวังเรื่องความชื้นเพราะอาจทำให้ต้นเน่าได้ ถ้าเป็นไม้กราฟต์ก็ไม่ควรรดน้ำโดนบริเวณหัวไม้ และระวังอย่าให้โดนแสงแดดมากหรือน้อยจนเกินไป ซึ่งหากได้รับแสงน้อยไปจะทำให้สีชมพูของ Pink Diamond มีความจืดลงดูไม่สวยงาม แต่หากโดนแดดจัดมากเกินไปก็อาจจะกลายเป็นถูกแดดเผาจนทำให้ผิวเสียได้ ดังนั้นจึงควรให้เค้าได้รับแสงแดดช่วงครึ่งเช้าแบบพอดี ๆ ก็จะทำให้ได้ Pink Diamond ที่เป็นสีชมพูสวยสดใสเอาไว้ชมให้ชื่นใจทุกวันแล้วละค่ะบทความอื่น ๆ ของผู้เขียนเกี่ยวกับกระบองเพชร- 🌵 แนะนำสายพันธุ์กระบองเพชรดอกสวย 🌸- 🌵 วิธีผสมเกสร "ดอกกระบองเพชร" ให้ติดฝักและได้เมล็ด- 🌵 มาผสม “ดินปลูกแคคตัส” กันเถอะ ! (สำหรับมือใหม่หัดปลูกแคคตัส)- 🌵 มาเปลี่ยนกระถางกระบองเพชรกันเถอะ !- 🌵 สาเหตุที่ทำให้ต้นกระบองเพชรเน่า พร้อมวิธีป้องกันและแก้ไข- 🌵 สายพันธุ์กระบองเพชร สำหรับมือใหม่หัดเลี้ยง- 🌵 เลี้ยงกระบองเพชรอย่างไร ? ให้มีดอก 🌸- 🌵 [แชร์เทคนิค] เลี้ยง “กระบองเพชร” สำหรับมือใหม่อย่างไรให้ไม่ตาย- 🌵 ชวนรู้จักกับ “แอสโตร” (Astrophytum asterias) กระบองเพชรเลี้ยงง่าย ดอกสวย 🌸- 🌵 การกราฟต์ (Grafting) กระบองเพชร คืออะไร ?- 🌵 [มือใหม่หัดเลี้ยงแคคตัส] ยิมโน LB 2178 "แท้" กับ "ไม่แท้" ต่างกันอย่างไรนะ ?- 🌵 มารู้จักศัพท์ เกี่ยวกับ “รากกระบองเพชร” กันเถอะ- 🌵 วิธีกำจัด “เพลี้ยแป้ง” ในรากกระบองเพชรสำหรับมือใหม่หัดเลี้ยง- 🌵 ชวนรู้จักแคคตัส "หูกระต่าย-หูมิกกี้เมาส์" (Opuntia microdasys)