ย่างกุ้งไม่ใช่เมืองหลวงของพม่าตั้งแต่ปี 2548 เพราะทางรัฐบาลพม่าได้ย้ายเมืองหลวงไปตั้งแต่นั้น แต่คนส่วนใหญ่ก็ยังคงติดชื่อย่างกุ้ง เมืองที่คึกคัก วุ่นวาย รถติด แต่ก็มีเสน่ห์ในตัวมันเอง ตึกเก่า ๆ สไตล์โคโลเนียล ระบบถนนที่เป็นบล็อก ๆ เนื่องจากพม่าเคยตกเป็นเมืองขึ้นอังกฤษในปี 2429 นานถึง 61 ปีก่อนจะเป็นประเทศเอกราช คนพม่าส่วนใหญ่มีความแตกต่างมาจากหลากหลายเชื้อชาติพันธ์ ทำให้ประเทศพม่านั้นยังคงมีความเป็นรัฐในรัฐ สถานการณ์ทางการเมืองยังไม่สงบ มีรัฐบาลทหารคอยควบคุมความเรียบร้อย พูดง่าย ๆ ถึงแม้จะมีประชาธิปไตยแล้ว แต่รัฐบาลทหารยังคงมีอำนาจนั่นเอง พวกเราเดินทางมาจากทะเลสาบอินเล โดยรถบัสของ JJ express ราคาคนละ 17 ดอลล่าห์สหรัฐ พอเราลงรถแล้วก็ทำการเดินเข้าไปยังในเมืองเพื่อเอากระเป๋าไปเก็บที่เกสเฮ้าส์ วันนี้เราจะพักที่ 501 Merchant Bed & Breakfast สาเหตุที่พักที่นี้หลัก ๆ คงเป็นเรื่องโลเคชั่นและตึกเก่าสวย ห้องพักสะอาด เช้า ๆ แบบนี้ขอประเดิมมื้อแรกที่ย่างกุ้งด้วยร้านชา อาหารเช้าชื่อดัง Rangoon Tea house ตัวร้านสไตล์โมเดิร์น มีอาหารเช้า เที่ยง พวกเครื่องดื่มชากาแฟ ข้างในมีชาวต่างชาติค่อนข้างเยอะ รวมถึงคนพม่าด้วย พนักงานพูดภาษาอังกฤษได้ดี มีเมนูภาษาอังกฤษให้ เราเลยหมดกังวล อาหารเช้าวันนี้เป็น Mohinga คล้ายขนมจีนน้ำยาปลาบ้านเรา ส่วนตัวเราคิดว่ายังไม่โดนเพราะรสชาดยังขาด ๆ มีแค่เค็ม ๆ แต่บันไก่ทอดนั่นอร่อยดีค่ะ เหมือนซาลาเปาไส้ไก่ทอด อันนี้ดีมาก กินกับชานมพม่า ฟินสุด ๆ ไปเลยค่ะ เราเดินชมบ้านเมืองมาตรงวงเวียนที่มีเจดีย์ซูเล จะเห็นโบสถ์คริสต์อยู่แถวนั้นด้วยค่ะ คึกคักดี เหมือนกับอนุสาวรีย์ชัยสมภูมิบ้านเรา มีคนมารอขึ้นรถไปต่างจังหวัดและไปนอกเมือง คนส่วนใหญ่แลดูไม่ตื่นเต้นกับนักท่องเที่ยวนัก ส่วนหนึ่งคิดว่าคงจะเป็นเมืองใหญ่ คนชินกับนักท่องเที่ยวไปเสียแล้ว ตึกสีขาวนี้เป็นที่ว่าการจังหวัด อารมณ์แบบศูนย์ราชการ มีคนแต่งตัวทำงานแต่ผู้หญิงยังสวมผ้าซิ่น มีทานาคาที่แก้ม น่ารักจริง ๆ ค่ะ สิ่งที่พลาดไม่ได้กับการมาย่างกุ้งคือ เดินเที่ยวตลาด Aung San Market ตึกข้างนอกมีสไตล์เป็นของตัวเอง ตรงข้ามตลาดจะเป็นห้างสรรพสินค้าใหญ่เอาการพอกัน ตรงนี้ข้ามถนนไม่ได้ต้องข้ามสะพานเท่านั้นค่ะ ดีเหมือนกัน เพราะรถค่อนข้างจะเยอะ ข้างในมีของให้เลือกซื้อจับจ่ายมากมาย เราได้เสื้อยืดตัวอักษรพม่ามาหนึ่งตัวและกระเป๋าผ้าอองซานซูจี ราคาไม่แพงมากทั้งสองได้มาในราคา 150 บาท แล้วแต่งบของแต่ละคนเลยค่ะ สิ่งที่น่าแปลกใจคือ ร้านส่วนใหญ่มีติดภาษาไทย และพนักงานส่วนใหญ่พูดภาษาไทยได้ด้วยละคะ คงเพราะคนไทยมาเที่ยวเยอะขึ้นแน่ ๆ เลยค่ะ เที่ยวตลาดเสร็จ เราเรียก Grab ไปยังเจดีย์ชเวดากองค่ะ มาพม่าไม่ได้ไปเยี่ยมชมเจดีย์ชเวดากองคู่บ้านคู่เมืองก็เหมือนมาไม่ถึงนะคะ ได้ยินมาว่างดงาม ใหญ่โต มีคนเข้าเยี่ยมชมเยอะเชียวค่ะ ต้องไปเห็นกับตาตัวเอง สวยอย่างที่เค้าว่าจริง ๆ ค่ะ สีทองอร่ามสมกับชื่อ ชเวดากอง โดยภาษาพม่านั้น ชเวแปลว่าทอง ส่วนดากองนั้นเป็นชื่อเดิมของย่างกุ้งค่ะ รวมๆ กันก็ตามนั้นเลยค่ะ และเชื่อกันว่าเจดีย์ชเวดากองเป็นที่เก็บพระเกศาของพระพุทธเจ้า 8 เส้น ทำให้คนเลื่อมใสศรัทธากันมาก ๆ ค่ะ สำหรับค่าเข้านั้นอยู่ที่ 500 บาท หรือ 10,000 kyat ( 1000 kyat = 20 บาท ) ค่ะ ถือว่าแพงพอตัวเลยค่ะ วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่เราจะอยู่ย่างกุ้ง หนึ่งอาทิตย์ในพม่านั้นทำให้เราดื่มด่ำกับความเป็นธรรมชาติของผู้คน ไมตรีที่ได้รับ รวมถึงวัฒนธรรมของคนในท้องถิ่นที่ยังคงไว้ ทำให้เราหันกลับมามองประเทศเราเอง วัฒนธรรมไทยอันดีงามของไทย ในบางครั้งเราได้มองตะวันตกเป็นแบบอย่าง พยายามเปลี่ยนแปลง แต่จริง ๆ แล้วก็มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเองนั้น ทำให้เรารู้ว่ารากเหง้าเรามีประวัติศาสตร์ยาวนาน ได้มาพม่าแล้วทำให้กลับมามองเราเอง พม่าจะเป็นประเทศที่เราหลงรักและแน่นอนว่าคงจะได้กลับมาอีกครั้งแน่ ๆ ค่ะ ( ภาพทั้งหมดถ่ายโดยนักเขียน ใช้ในนามปากกา whynottravel )