ภาพปกจาก freepik หากจะเปรียบการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในตอนนี้คือสงครามครั้งใหญ่ของมนุษย์โลก อาวุธที่พวกเราจะสามารถนำไปใช้ต่อกรกับเจ้าเชื้อไวรัสร้ายเหล่านี้ได้ก็คงจะเป็นน้ำยาฆ่าเชื้อต่าง ๆ นั่นเอง ซึ่งอย่างที่เราทราบกันดีอยู่แล้วว่าเจ้าเชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือชื่อเต็ม ๆ ก็คือ Severe Acute Respiratory Syndrome Coronavirus 2 (SARS-CoV-2) นั้นสามารถมีชีวิตเกาะติดอยู่บนพื้นผิวต่าง ๆ ได้นานถึง 9 วันเลยทีเดียว ซึ่งหากเราไปสัมผัสพื้นผิวที่แปดเปื้อนไปด้วยเชื้อไวรัสแล้วมาสัมผัสกับเยื่อบุต่าง ๆ ของร่างกายก็อาจจะติดโรคได้โดยไม่ต้องเข้าใกล้ผู้ติดเชื้อเลยแม้แต่น้อย และแน่นอนว่าเราอาจจะต้องไปทำกิจกรรมต่าง ๆ นอกบ้านเช่นไปออกกำลังกายที่ฟิตเนสเซนเตอร์ ใช้บริการห้องสมุดสาธารณะ ไปรับประทานอาหารที่ร้านอาหาร ซึ่งก็คงเป็นไปไม่ได้ที่เราจะไม่หยิบจับสัมผัสกับสิ่งของใด ๆ ในที่สาธารณะเลย และการล้างมือไม่ว่าจะล้างด้วยเจลแอลกอฮอล์หรือน้ำสบู่ก็คงไม่สามารถทำได้ตลอดเวลา ดังนั้นการทำความสะอาดพื้นผิวของสิ่งต่าง ๆ ที่เราจะต้องสัมผัสจึงถือเป็นอีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่เราควรจะปฏิบัติอยู่เสมอ ภาพจาก freepik ซึ่งล่าสุดก็ได้มีงานวิจัยฉบับหนึ่งที่ชื่อว่า "Persistence of coronaviruses on inanimate surfaces and their inactivation with biocidal agents" ถูกตีพิมพ์โดยสำนักพิมพ์ Elsevier ลงใน Journal of Hospital Infection (วารสารเกี่ยวกับโรคติดเชื้อในโรงพยาบาล) เมื่อวันที่ 31 มกราคม 2563 ที่ผ่านมา โดยเป็นการทำการวิจัยร่วมกันระหว่างมหาวิทยาลัยในประเทศเยอรมนีและหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง ซึ่งก็ได้มีการพูดถึงเกี่ยวกับความสามารถในการมีชีวิตอยู่รอดในสิ่งแวดร้อมของโคโรนาไวรัสชนิดนี้ รวมถึงอาวุธหรือน้ำยาต่าง ๆ ที่จะสามารถกำจัดเชื้อไวรัสได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยประเด็นที่น่าสนใจก็มีดังนี้ค่ะ 1. พื้นผิวที่เชื้อโควิด-19 สามารถไปยึดเกาะ และเวลาที่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ จากตารางด้านบนจะเป็นพื้นผิวต่าง ๆ ที่คณะผู้วิจัยได้ใช้ทำการทดสอบ กับอุณหภูมิที่ใช้ในการทดสอบซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็นที่อุณหภูมิห้อง (ประมาณ 25 องศาเซลเซียส) จากผลการทดสอบจะเห็นได้ว่าเชื้อโคโรนาไวรัสสามารถอยู่บนพื้นผิวต่าง ๆ ได้หลายชนิดและสามารถมีชีวิตอยู่ได้นานหลายวัน ไม่ว่าจะเป็นพื้นผิวโลหะ ไม้ กระดาษ แก้ว พลาสติก เสื้อกาวน์ (ชนิดใส่แล้วทิ้ง) ซึ่งหากยิ่งอุณหภูมิลดต่ำลงมากเท่าไหร่ก็จะทำให้เชื้อโคโรนาไวรัสมีอายุยืนยาวมากขึ้นเท่านั้น และถึงแม้ใครคนส่วนใหญ่จะเข้าใจว่าประเทศไทยเป็นประเทศเขตร้อนที่มีอุณหภูมิสูงมากตลอดวันทำให้เชื้อโคโรนาไวรัสไม่สามารถที่จะมีชีวิตอยู่ได้ แต่อย่าลืมนะคะว่าพื้นที่สาธารณะต่าง ๆ ส่วนใหญ่จะมีการติดตั้งเครื่องปรับอากาศโดยจะตั้งอุณหภูมิไว้ที่ 25 องศา ดังนั้นการไปสัมผัสกับพื้นผิวต่าง ๆ โดยไม่ทำความสะอาดด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อให้ดีก่อน และหลังการสัมผัสแล้วไม่ได้รีบทำความสะอาดมืออย่างถูกวิธีก็อาจทำให้เราเสี่ยงติดโควิด-19 ได้อยู่ 2. สารต่าง ๆ ที่นำมาทดสอบหาประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อโควิด-19 จากการทดลองคณะผู้ทำการวิจัยได้สรุปว่าสารที่มีประสิทธิภาพในการกำจัดเชื้อไวรัสได้ดีที่สุดโดยใช้ระยะเวลาในการทดสอบนาน 1 นาที ก็คือ Ethanol (Ethyl Alcohol) หรือแอลกอฮอล์ล้างมือที่มีขายกันตามท้องตลาดในปัจจุบันนั่นเอง โดยความเข้มข้นของ Ethanol เริ่มต้นที่สามารถใช้ได้ก็คือ 70% ขึ้นไป หากเปอร์เซนต์ความเข้มข้นลดต่ำลงก็จะทำให้ประสิทธิภาพในการกำจัดเชื้อไวรัสลดลงไปด้วย ส่วนสารตัวอื่น ๆ ที่สามารถใช้ในการฆ่าเชื้อได้เช่นกัน ได้แก่ - Sodium hypochlorite 0.1-0.5% ในบ้านเราจะเจอสารตัวนี้ได้ในส่วนผสมของน้ำยาซักผ้ายี่ห้อหนึ่งที่มีขายตามร้านค้าและห้างสรรพสินค้าทั่วไป และยังมีแยกขายเป็นสารทำความสะอาดเดี่ยว ๆ อีกด้วย - Glutardialdehyde 2% เป็นน้ำยาฆ่าเชื้อชนิดหนึ่ง - Benzalkoniumchloride 0.04% เป็นสารที่นิยมใช้เป็นสารกันเสียในผลิตภัณฑ์สุขภาพต่าง ๆ สามารถหาซื้อได้จากร้านเคมีภัณฑ์ ส่วนสารเคมีที่ทอดสอบแล้วพบว่าไม่มีประสิทธิภาพและไม่แนะนำให้นำมาใช้ในการกำจัดเชื้อไวรัสก็ได้แก่ benzalkonium chloride 0.04%, sodium hypochlorite 0.06% (แต่ถ้าความเข้มข้น 0.1-0.5% ใช้ได้) และ orthophtalaldehyde 0.55% ทั้งนี้น้ำยาฆ่าเชื้อต่าง ๆ เหล่านี้นอกจาก Ethyl Alcohol จะแนะนำสำหรับทำความสะอาดเพื่อกำจัดเชื้อโคโรนาไวรัสบนพื้นผิววัสดุต่าง ๆ ที่เป็นสิ่งของเท่านั้น ไม่แนะนำให้ใช้ทำความสะอาดกับผิวหนังหรือร่างกายเพราะอาจก่อให้เกิดอาการระคายเคืองได้ค่ะ และหากท่านได้ซื้อน้ำยาฆ่าเชื้อเหล่านี้มาแล้วพบว่ามีความเข้มข้นสูงกว่าความเข้มข้นที่ใช้ฆ่าเชื้อได้ก็สามารถนำมาเจือจางกับน้ำเพื่อให้ได้ความเข้มข้นที่ต้องการโดยใช้สูตรคำนวณดังนี้ค่ะ C1V1 = C2V2 C1 = ความเข้มข้นน้ำยาก่อนผสม V1 = ปริมาตรน้ำยาที่ต้องเติม C2 = ความเข้มข้นน้ำยาหลังผสม V2 = ปริมาตรน้ำยาหลังผสมน้ำแล้ว (หรือปริมาตรที่เราต้องการจะเตรียม เช่นต้องการเจือจางให้ได้ 100 มิลลิลิตร) เมื่อคำนวณหา V1 หรือปริมาตรน้ำยาที่ต้องเติมลงไปได้แล้ว ก็ให้ตวงใส่ภาชนะเอาไว้ หลังจากนั้นให้เติมน้ำลงไปจนได้ปริมาตร V2 เราก็จะได้น้ำยาทำความสะอาดที่มีเปอร์เซนต์ความเข้มข้นตามต้องการแล้วละค่ะ ภาพจาก freepik และจากงานวิจัยนี้ก็ทำให้เรามั่นใจได้มากยิ่งขึ้นว่าเราสามารถเลือกใช้สารทำความสะอาดตัวอื่นมาใช้ในการทำความสะอาดพื้นผิวแทนแอลกอฮอล์ที่กำลังขาดแคลนได้ ซึ่งก็ถือว่ามีประโยชน์ไม่น้อยเลยทีเดียว และถ้าหากใครสนใจที่จะอ่านรายละเอียดอื่น ๆ ในงานวิจัยฉบับนี้เพิ่มเติมก็สามารถเข้าไปดาวน์โหลดได้โดยตรงที่เว็บไซต์ของ Journal of Hospital Infection สามารถดาวน์โหลดมาอ่านได้ฟรี ๆ ไม่มีค่าใช้จ่ายค่ะ บทความอื่น ๆ ของผู้เขียนเกี่ยวกับโรคติดเชื้อโคโรนาไวรัส - DIY เจลล้างมือแอลกอฮอล์ แบบง่าย ๆ แถมยังได้ความเข้มข้นแบบเป๊ะ ๆ - หยุดสัมผัส ก็ลดโอกาสติดเชื้อไวรัสโคโรนา (โควิด 19) ได้ - เจลล้างมือแอลกอฮอล์ ยิ่งเข้มข้นมากยิ่งดี จริงหรือ !? พร้อมวิธีการทำแอลกอฮอล์เจลใช้เอง - อัพเดตล่าสุด สรุปครบทุกประเด็นเกี่ยวกับ “โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด 19) - อย่าเชื่อข่าวลือ! ติดตามข่าวโรคติดเชื้อ "ไวรัสโคโรนา" ได้โดยตรง จากกรมควบคุมโรค - 😷 จริงหรือไม่ หน้ากากอนามัย "ยิ่งใส่" เท่ากับ "ยิ่งเสี่ยง" ? - 😷 อย่าเชื่อข่าวลวงกินสมุนไพรต้านโควิด 19 - “กระเทียม” ฆ่าโคโรนาไวรัส “ไม่ได้” - จับตามอง "โควิด-19" หลังองค์การอนามัยโลกประกาศเป็น "การระบาดใหญ่ (Pandemic)"