ประเทศฮังการี เป็นหนึ่งในประเทศที่พรมแดนติดทะเลเลย ( Land-locked country ) ต้องอยู่ในยุโรปกลาง ( Central Europe) มีวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ และภาษาเป็นของตัวเอง ภาษาฮังกาเรียน (Hungarian ) คนฮังการีเชื่อว่าบรรพบุรุษของพวกเขามาจะเอเชียกลาง ชาวฮันส์ ที่เก่งด้านขี่ม้าแถบเทือกเขาอูราล และมองโกเลีย ทำให้พวกเขามีความพิเศษในด้านรากเหง้า จริง ๆ แล้วถึงแม้ประเทศฮังการีไม่มีทะเล แต่ฮังการีมีทะเลสาบน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปกลาง ใหญ่ขนาดที่ว่ามีเรือสำเภอแล่นไปมา รีสอร์ตน้อยใหญ่ ชายหาดเทียม เป็นที่เที่ยวสำคัญในช่วงหน้าร้อนของคนที่นี้เชียวล่ะ วันนี้จะพาไปนั่งรถไฟไปทะเล(สาบ) บอลอตอล ( Balaton Lake ) ในประเทศฮังการี จะสวยงามขนาดไหน ติดตามชมได้เลยค่ะ เนื่องจากเราไปแลกเปลี่ยนที่ประเทศฮังการีพอดิบพอดี เราเรียนอยู่ในเมืองหลวงบูดาเปสต์ ( Budapest ) การเดินทางเลยจะง่ายหน่อย เพราะเป็นศูนย์กลางการเดินทางไปเมืองต่าง ๆ แถมรถไฟสำหรับนักเรียนก็ลดราคา 50% ค่ะ พร้อมแล้วเราก็แบกเป้ไปทะเล(สาบ) กันค่ะ การเดินทางในวันนี้จะใช้เวลา 2 ชั่วโมงด้วยรถไฟค่ะ บรรยากาศบนรถไฟค่อนข้างร้อนอบอ้าวเพราะเป็นหน้าร้อนของยุโรป ใครบอกว่ายุโรปร้อนไม่เท่าเมืองไทย บอกเลยว่าผิดค่ะ ร้อนหนักกว่าไทยอีกค่ะ เพราะไม่มีความชื้นในอากาศเลย ร้อนแห้งแสบผิวมาก ๆ ทะเลสาบกว้างใหญ่ขนาดมองไม่เห็นอีกฝั่งเลยละคะ เราลงสถานีที่เมืองเล็ก ๆ ชื่อ Zarmadi จะพักอยู่ที่นี้สองคืนค่ะ รอบ ๆ ทะเลสาบจะมีเมืองเล็กใหญ่ และรีสอร์ตต่าง ๆ คนรวยของฮังการีส่วนใหญ่จะมีบ้านพักตากอากาศอยู่รอบ ๆ ทะเลสาบนี้ค่ะ บ้านส่วนใหญ่ราคาพุ่งสูงเผลอ ๆ แพงกว่าที่เมืองหลวงบูดาเปสต์อีกค่ะ แต่ละหาดจะมีบอกว่าป้ายสามารถลงเล่นน้ำได้ เล่นไม่ได้ เค้าจัดสรรไว้ดีมากค่ะ จะมีคนพาครอบครัวไปเล่นน้ำ นอนอาบแดด ไม่บอกว่าเป็นทะเลสาบเราก็คิดว่าเหมือนอยู่ทะเลจริง ๆ ค่ะ มีขายห่วงยาง ไอศครีม ร้านอาหาร รวมไปถึงร้านกาแฟต่าง ๆ พอเที่ยวแล้วเราก็หาร้านอาหารข้าง ๆ ชายหาด เพื่อกินข้าว บรรยากาศดีค่ะ คนเยอะด้วย ส่วนมากจะเป็นคนท้องถิ่น และคนฮังการีจากที่อื่น ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเท่าไหร่นัก ร้านนี้ดูน่ากินดีค่ะ ร้านชื่อ Kis Kapitany แปลว่า กัปตันเล็กค่ะ สกุลเงินที่ใช้คือ Florint ( HUF ) 7 HUF = 1 บาทค่ะ ประมาณนั้น เมนูก็จะตกอยู่ประมาณ 200-400 บาท ค่อนข้างแพงเพราะว่าเป็นเมืองพักร้อนค่ะ แต่ขนาดใหญ่มากสำหรับเรา กินไม่หมดค่ะ สั่ง Fish and chips และน้ำมะนาวโซดาค่ะ ปริมาณอาหารค่อนข้างเยอะ รสชาดใช้ได้ค่ะ แต่กินไม่หมด เลยให้เพื่อนฝรั่งช่วยกินค่ะ กินข้าวเสร็จก็จะข้ามฝากจากฝั่งหนึ่งไปอีกฝั่งหนึ่งของทะเลสาบบอลอตอล เพื่อไปเที่ยวเมืองที่ยื่นออกมาในทะเลสาบชื่อ Tihany ซึ่งเมืองนี้จะมีโบสถ์และและที่ฝังศพกษัตริย์แอนดรู และมีการค้นพบอักษรเก่าแก่ที่เขียนเป็นภาษาฮังกาเรียน ตั้งแต่สมัยคริสศตวรรษ 1055 คนฮังกาเรียนเค้ามีประวัติศาสตร์ยาวนานเป็นพันปีเลยค่ะ เราขี้เกียจเดินค่ะ เลยอยากนั่งรถไฟรอบ ๆ เกาะและไปจอดหน้าโบสถ์ Tihany Abbey ค่ะ ราคาคนล่ะ 700 HUF ประมาณ 100 บาทค่ะ อากาศร้อนมาก ๆ จนเราต้องสั่งน้ำ Mojito Lemon มาดื่ม รสชาดไม่ผ่านอย่างแรงค่ะ ไม่เปรี้ยวเลย มีแต่หวาน แต่ราคาแค่ 25 บาท แก้กระหายน้ำไปละกันค่ะ คนส่วนใหญ่จะมาเที่ยวชมเมืองและโบสถ์นี้ค่ะ tihanny Abbey เป็นที่ฝังศพกษัตริย์ Andrew โดยจะตั้งอยู่บนหน้าผา จากตรงนี้สามารถเห็นวิวที่ดีที่สุดของทะเลสาบบอลอตอลได้ค่ะ มีร้านกาแฟของโบสถ์ที่อยู่ริมหน้าผา ตรงนั้นก็เป็นที่เที่ยวยอดฮิตเลยค่ะ เราสั่งเค้กเมล็ดป๊อบปี้ หรือเมล็ดฝิ่นนั้นแหละค่ะ รสชาดก็พอผ่าน ไม่ได้พิเศษอะไรมากนัก ดื่มกาแฟ ชมวิวไปแทน คนค่อนข้างเยอะเพราะเป็นร้านชื่อดัง ส่วนราคาค่อนข้างแพงกว่าข้างนอก 30% ค่ะ ถ้าไม่บอกว่าอยู่ฮังการี ก็คงคิดว่าเป็นภูเก็ตค่ะ สวยมาก ๆ เข้าใจเลยว่าทำไมคนฮังการีเค้าถึงคิดว่า ที่นี้เป็นทะเลของประเทศ แต่ช่วงหน้าหนาวก็จะเงียบ ๆ ค่ะ จะกลับมาคึกคักในช่วงซัมเมอร์ ใครที่วางแผนจะมาเที่ยวฮังการีช่วงหน้าร้อน ปลายเดือนมิถุนาเป็นต้นไป แนะนำทะเลสาบบอลอตอลค่ะ นั่งรถไฟมาง่ายมาก มีโรงแรมรีสอร์ตให้พัก สถานที่ท่องเที่ยวรอบ ๆ เมืองเต็มไปหมด และที่สำคัญ จะได้เห็นวิถีการท่องเที่ยวของคนฮังการีค่ะ เพราะส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวต่างชาติจะกระจุกตัวในเมืองหลวง เมืองเล็ก ๆ ของฮังการีมีความโดดเด่นไม่แพ้กัน อยากแนะนำให้มาเที่ยวกันค่ะ ถึงไม้ว่าภาษาอังกฤษจะไม่ได้พูดกันอย่างแพร่หลาย แต่รับรองว่าคนที่นี้ น่ารัก และชอบช่วยเหลือนักท่องเที่ยวต่างชาติ ลองมากันดูนะคะ ( รูปภาพทั้งหมดถ่ายโดยนักเขียน ใช้ในนามปากกา whynottravel )