เมื่อปลายปี 2562 ประเทศจีนได้ประกาศการค้นพบโรคอุบัติใหม่ คือ โรคปอดอักเสบรุนแรงจากไวรัส ซึ่งเกิดการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วในเมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย ประเทศจีน ซึ่งต่อมามีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า เชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-ไนน์ทีน (COVIC-19) ภายหลังการประกาศค้นพบการแพร่ระบาดของโรคดังกล่าว ได้มีรายงานจำนวนผู้เจ็บป่วย และผู้เสียชีวิตที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งสร้างความหวาดวิตกให้แก่ประชาชนในประเทศจีน รวมทั้งประชาชนทั่วโลกด้วย ทำให้หลายฝ่ายต่างหวั่นเกรง และคาดการณ์กันว่า การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 จะทำให้มีผู้เสียชีวิตนับล้านคน // ขอบพระคุณภาพประกอบและข้อมูลจากเว็บไซต์กรมควบคุมโรค // จากการติดตามข่าวสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมาจะพบว่า มีการแพร่ระบาดอย่างรุนแรงในประเทศแถบยุโรป จนทำให้ในวันที่ 10 มีนาคม 2563 องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ประกาศยกระดับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เป็น "ระบาดทั่วโลก" (Pandemic) เนื่องจากมีการแพร่ระบาดเพิ่มขึ้นทั่วโลก ในขณะเดียวกัน ประเทศจีนซึ่งเป็นต้นกำเนิดของโรค กลับมีอัตราการเสียชีวิต และจำนวนผู้ป่วยน้อยลงเรื่อย ๆ จนกระทั่งเมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2563 รัฐบาลจีนประกาศ "จุดสูงสุด" (Peak) ของการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศจีนได้สิ้นสุดลงแล้ว เพราะจำนวนผู้ป่วยรายใหม่ลดลงอย่างต่อเนื่อง และสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคในภาพรวมทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ // ภาพโดย Freepik จาก Freepik // สถานการณ์แพร่ระบาดในประเทศจีนกลับมาเป็นที่จับตาอีกครั้ง เพราะการประกาศถึงจุดสูงสุดของการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 สะท้อนถึงการบริหารจัดการสถานการณ์ และควบคุมโรคอย่างมีประสิทธิภาพของรัฐบาลจีน บทความนี้เป็นการถอดบทเรียนความสำเร็จการควบคุมเชื้อไวรัสโควิด-19 ประเทศจีน มาติดตามกันค่ะ 1. ความรวดเร็วในการประกาศสถานการณ์แพร่ระบาดของโรค : แม้ว่าในช่วงแรกจะมีการปกปิดข่าวสารการรับรู้ของประชาชน เพื่อป้องกันการตื่นตระหนก แต่ต่อมามีการประกาศการแพร่ระบาดของโรค โดยออกมาในช่วงเวลาที่เหมาะสม คือ ก่อนเทศกาลปีใหม่ ซึ่งจะมีการรวมตัวของประชาชนจำนวนมากเพื่อเฉลิมฉลองเทศาลดังกล่าว จึงลดการรวมตัวกันของผู้คนโดยปริยาย 2. การประกาศใช้มาตรการปิดเมืองและบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด : โดยเฉพาะการประกาศปิดเมืองที่อยู่ในสภาวะการแพร่ระบาด ระงับการคมนาคมทุกเส้นทาง สั่งปิดสถานที่สาธารณะ เช่น โรงภาพยนตร์ ห้างสรรพสินค้า และสวนสนุก รวมทั้งสั่งห้ามประชาชนจีนเดินทางท่องเที่ยวในต่างประเทศ อย่างไรก็ดี แม้มาตรการปิดเมืองจะส่งผลกระทบด้านเศรษฐกิจ และสังคมของประเทศจีนอย่างมหาศาล แต่ต้องยอมรับว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง เพราะการที่ประชาชนกักตัวอยู่ในที่ตั้ง สามารถลดการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสได้เป็นอย่างดี 3. ความร่วมแรงร่วมใจของรัฐบาลและประชาชน : รัฐบาลมีความมุ่งมั่นและจริงใจในการแก้ไขปัญหาของประเทศ เราจะได้เห็นภาพการระดมสรรพกำลังจากทุกภาคส่วนทั่วประเทศมุ่งตรงไปยังเมืองอู่ฮั่น ซึ่งเป็นศูนย์กลางการแพร่ระบาด ทั้งแพทย์ ทหาร การสร้างโรงพยาบาล ทุกอย่างถูกส่งลงไปยังเมืองอู่ฮั่นอย่างรวดเร็ว ประกอบกับได้รับความร่วมมือจากประชาชนในการปฏิบัติตามคำแนะนำของรัฐบาล กักตนเองอยู่ในบ้านเพื่อลดการแพร่กระจายของเชื้อไวรัส จนเกิดคลิปวิดีโอ “อู่ฮั่นสู้ ๆ” โด่งดังเป็นไวรัลไปทั่วโลก // ภาพโดย Freepik จาก Freepik // 4. ระบบให้คำปรึกษาทางการแพทย์แบบออนไลน์ที่มีประสิทธิภาพ : ผู้ป่วยเล็กน้อยสามารถรับคำปรึกษาจากแพทย์ผ่านระบบออนไลน์ โดยไม่ต้องไปแออัดยัดเยียดกันที่โรงพยาบาล จนเกิดความเสี่ยงต่อการรับเชื้อไวรัสชนิดต่าง ๆ รวมทั้งการสงวนพื้นที่โรงพยาบาลให้แก่ผู้ป่วยหนัก ทำให้บริการทางการแพทย์เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและตอบสนองผู้ป่วยที่มีอาการหนักได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้น เมื่อจำนวนคนที่เข้าออกโรงพยาบาลน้อยลง จึงทำให้ปริมาณของผู้ป่วยลดลงได้ 5. ให้ความสำคัญกับการศึกษาวิจัยทางการแพทย์ : นับตั้งแต่การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เราจะได้ยินข่าวความคืบหน้าในการศึกษาวิจัยที่เกิดขึ้นในประเทศจีน เช่น การสืบสาวสาเหตุของโรค การคิดค้นวัคซีน การสร้างโรงงานผลิตอุปกรณ์ป้องการการแพร่ระบาดของโรคและอุปกรณ์การแพทย์ รวมทั้งการเปิดโอกาสให้หน่วยงานด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศเข้ามาร่วมศึกษาวิจัยเกี่ยวกับแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส ทำให้องค์ความรู้เกี่ยวกับโรค และแนวทางในการป้องกันตัวเผยแพร่ออกไปยังชาวโลก ทำให้ประเทศอื่นที่มีมาตรการเฝ้าระวังที่เข้มแข็ง สามารถนำแนวทางดังกล่าวมาป้องกันการแพร่ระบาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ การถอดบทเรียนความสำเร็จการควบคุมเชื้อไวรัสโควิด-19 ประเทศจีน ทำให้เราเห็นว่า ความสำเร็จครั้งนี้เกิดจากมาตรการที่เด็ดขาดชัดเจน รัฐบาลเป็นที่น่าเชื่อถือของประชาชน และประชาชนให้ความร่วมมือกับรัฐบาล จนทำให้สถานการณ์คลี่คลายลงได้ เมื่อย้อนกลับมามองที่ประเทศไทย เราทุกคนจะผ่านพ้นไปได้ ไม่ได้ขึ้นอยู่ที่รัฐบาล หรือประชาชนฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แต่เราทุกคนต้องร่วมแรงร่วมใจกันเพื่อให้ผ่านพ้นวิกฤติครั้งนี้ไปให้ได้ กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ สวมหน้ากากอนามัย หลีกเลี่ยงการเดินทางไปในพื้นที่เสี่ยง และงดการใช้สิ่งของร่วมกัน อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง : การเฝ้าระวังเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โรคปอดอักเสบรุนแรงจากไวรัส) เคล็ดลับการป้องกันเชื้อไวรัสโคโรน่า สถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19 ประโยชน์ของเจลล้างมือแอลกอฮอล์ และวิธีการเลือกซื้อ การป้องกันไวรัสโคโรน่า หรือ COVID-19 เมื่อต้องเดินทางโดยรถสาธารณะ รีวิว : DIY หน้ากากอนามัย ข้าราชการป่วยเพราะ “โควิด-19“ ลาป่วยได้ โดยไม่นับเป็นวันลา หน้ากากอนามัย ไม่ใส่ยิ่งเสี่ยง ศูนย์แถลงข่าวรัฐบาล ไวรัสสายพันธุ์ใหม่ (COVID-19) แหล่งเรียนรู้ด้านสุขอนามัยบนโลกออนไลน์ อัพเดทสถานการณ์ "ผีน้อยเกาหลี" หนีการกักกันโรค ล้างมือเพื่อสุขอนามัย ห่างไกลโควิด-19 ยกเลิกงานสงกรานต์ 2020 ลดความเสี่ยงโควิด-19 รู้ไว้ต้องระวัง 10 สิ่งของที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อโควิด-19 7 กิจกรรมหรรษา และแนวทางท่องเที่ยววันสงกรานต์ 2563 เครดิตภาพปกโดย www-slon-pics จาก Freepik