ภาพปกบทความถ่ายโดยผู้เขียน“แอสโตร” นั้นเป็นชื่อเรียกสั้น ๆ ของเจ้าแคคตัสไร้หนามที่มีลักษณะเป็นหัวกลม ๆ ที่เหล่าบรรดาคนเลี้ยงแคคตัสนั้นนิยมเรียกกันจนติดปาก แต่ความจริงแล้วนั้นแอสโตรมาจากคำว่า แอสโตรไฟตัม (Astrophytum) ซึ่งเป็นชื่อสกุลหนึ่งของสายพันธุ์กระบองเพชร โดยที่จริง ๆ แล้วนั้นสกุลแอสโตรไฟตัมนั้นก็ยังแบ่งแยกย่อยได้เป็นอีกหลายชนิดเลยทีเดียวภาพถ่ายโดยผู้เขียนพูดถึงที่มาที่ไปของชื่อแอสโตร หลายคนอาจเคยได้ยินคำศัพท์ภาษาอังกฤษว่าแอสโตรกันมาบ้าง เช่น astronaut แปลว่านักบินอวกาศ หรือ astronomy ที่แปลว่าดาราศาสตร์ ดังนั้นคำว่า Astro- จึงเป็นคำที่หมายความเกี่ยวกับดวงดาว ซึ่งก็ตรงกับลักษณะของแคคตัสในสกุลแอสโตรไฟตัมที่จะมีรูปร่างเป็นหัวกลม ๆ มีพูแบ่งแยกย่อยเป็นหลายพูด้วยกัน ดูไปดูมาก็คล้าย ๆ กับดวงดาวนั่นเองภาพถ่ายโดยผู้เขียน ลักษณะของแคคตัสสกุล Astrophytum myriostigmaAstrophytum asterias จัดเป็นหนึ่งในสายพันธุ์แคคตัสสกุลแอสโตรไฟตัมที่มีคนนิยมเลี้ยงมากที่สุด เนื่องจากมีลักษณะลวดลายที่หลากหลายและสวยงาม จึงเป็นที่สนใจของเหล่าคนรักแคคตัสและบรรดานักสะสมจำนวนมาก ทำให้หลายคนพากันเรียกแคคตัสเหล่านี้สั้น ๆ ว่าแอสโตร ชณะที่ Astrophytum myriostigma ซึ่งก็จัดอยู่ในสกุลแอสโตรไฟตัมเหมือนกันแต่คนทั่วไปจะนิยมเรียกว่าไมริโอมากกว่าเพื่อป้องกันการสับสนภาพถ่ายโดยผู้เขียนลักษณะของแคคตัสสกุล Astrophytum asterias นั้นจะค่อนข้างมีความหลากหลาย สิ่งที่เหมือนกันคือลักษณะลำต้นที่เป็นหัวกลม มีหลายพู สันพูเรียบ ส่วนจำนวนพูและลวดลายรวมถึงจุดนูนต่าง ๆ บนผิวนั้นจะแตกต่างกันไป จำนวนพูจะมีได้ตั้งแต่ 5 พูไปจนถึง 8 พู หรืออาจจะมีจำนวนพูมากกว่านั้นได้ และลวดลายที่แตกต่างกันไปนั้นก็ยังมีชื่อเรียกที่จำเพาะอีกด้วย ภาพถ่ายโดยผู้เขียนการเรียกชื่อแอสโตรตามลักษณะลวดลายที่ปรากฏบนผิว หากเป็นแอสโตรแบบบ้าน ๆ หรือแอสโตรธรรมดาซึ่งจะมีลักษณะผิวเป็นจุดสีขาวกระจายจะเรียกว่า คาบูโตะ ถ้าจุดสีขาวบนผิวนั้นมีลักษณะเป็นจุดหนาใหญ่เห็นได้ชัดก็จะเรียกว่า ซูปเปอร์คาบูโตะ และถ้าจุดสีขาวนั้นหนามากจนปกคลุมผิวสีเขียวของลำต้นไว้เกือบทั้งหมดก็จะเรียกว่า Snow-type ภาพถ่ายโดยผู้เขียนแต่ถ้าหากไม่มีจุดสีขาวกระจายบนผิว มีเพียงตุ่มขนนูนตามแนวพูก็จะเรียกว่า นูดัม และถ้าตุ่มขนนั้นมีลักษณะหนาใหญ่เป็นพิเศษก็จะเรียกว่า โออิโบะ แทน นอกจากนี้ หากลักษณะลวดลายนั้นเรียกตัวกันจนเป็นรูปตัววีในภาษาอังกฤษ (V) ก็จะเรียกว่า V-type ภาพถ่ายโดยผู้เขียนสำหรับดอกของแอสโตรนั้น โดยสวนใหญ่จะเป็นดอกสีเหลือง โคนกลีบดอกสีแดง จะงอกบานขึ้นจากตรงตุ่มหนามซึ่งส่วนใหญ่จะงอกออกจากจุดกลางลำต้น ส่วนดอกสีแดงหรือสีชมพูนั้นจะพบได้น้อยกว่า และหากเป็นสายพันธุ์ที่ผสมกันระหว่างสีเหลืองกับสีแดงหรือสีชมพู เราก็อาจจะได้เห็นกลีบดอกที่มีลักษณะสีสันสวยแปลกตาออกไป นอกจากนี้ดอกแอสโตรยังพบในลักษณะที่เป็นเส้นฝอย ๆ หรือที่เรียกว่า ชินโชวะ ได้อีกด้วยภาพถ่ายโดยผู้เขียนการเลี้ยงและการดูแลแคคตัสสายพันธุ์แอสโตรไฟตัมนั้นก็ง่ายแสนง่าย ไม่มีอะไรพิเศษต่างจากการเลี้ยงแคคตัสสายพันธุ์อื่น มือใหม่หัดเลี้ยงก็สามารถเลี้ยงได้ เพียงดูแลให้เขาได้รับแสงแดดช่วงเช้าในปริมาณที่เพียงพอทุกวัน รดน้ำเมื่อดินปลูกแห้ง คอยสังเกตโรคหรือแมลงรบกวนต่าง ๆ เมื่อถึงเวลาเขาก็จะออกดอกบานสะพรั่งสวยงามให้เราได้เชยชม แถมเรายังสามารถผสมเกสรดอกแอสโตรแล้วนำเมล็ดที่ได้ไปปลูกเองได้ง่าย ๆ อีกด้วยและหากใครอยากทราบรายละเอียดวิธีการเลี้ยงแคคตัส หรือการผสมเกสรแคคตัสเพิ่มเติม ก็สามารถเข้าไปอ่านบทความที่ผู้เขียนเคยเขียนไว้ได้ค่ะ ส่วนใครที่ยังไม่เคยลองเลี้ยงแคคตัส ผู้เขียนขอแนะนำเจ้าแอสโตรนี้ไว้เป็นหนึ่งในทางเลือกการตัดสินใจนะคะ เพราะนอกจากเขาจะไร้หนามมาตำมือเราแล้ว ยังเลี้ยงง่ายและดอกสวยอีกด้วยค่ะ- 🌵 แนะนำสายพันธุ์กระบองเพชรดอกสวย 🌸- 🌵 วิธีผสมเกสร "ดอกกระบองเพชร" ให้ติดฝักและได้เมล็ด- 🌵 มาผสม “ดินปลูกแคคตัส” กันเถอะ ! (สำหรับมือใหม่หัดปลูกแคคตัส)- 🌵 มาเปลี่ยนกระถางกระบองเพชรกันเถอะ !- 🌵 สาเหตุที่ทำให้ต้นกระบองเพชรเน่า พร้อมวิธีป้องกันและแก้ไข- 🌵 สายพันธุ์กระบองเพชร สำหรับมือใหม่หัดเลี้ยง- 🌵 เลี้ยงกระบองเพชรอย่างไร ? ให้มีดอก 🌸- 🌵 [แชร์เทคนิค] เลี้ยง “กระบองเพชร” สำหรับมือใหม่อย่างไรให้ไม่ตาย