การเริ่มต้นเดินทางไปเที่ยวเชียงใหม่ในวันปิดเทอมของนักศึกษาพยาบาลที่มีวันปิดเทอมยาวนาน ถึง 2 สัปดาห์ เป็นปิดเทอมที่พวกเราชาวนักศึกษาพยาบาลคิดว่านานที่สุดแล้ว และแล้วเราก็รวมพลความอยาก วางแผนไปเที่ยวเชียงใหม่กันจ้า เริ่มต้นเดินทางจากสุรินทร์ 2 ท่าน ค่ารถทัวร์สุรินทร์-เชียงใหม่ประมาณ 700 บาทกว่าๆ ส่วน 2 ท่านร่วมเดินทางจากกรุงเทพจ้า ขึ้นรถที่จตุจักรน๊า ค่ารถ 300 บาทกว่าๆ มาถึงเชียงใหม่แล้ว เตรียมตัวไปดอยผ้าห่มปกก่อนเป็นอันดับแรก เพราะอยู่ไกลนะ ก่อนอื่นๆ เราต้องขึ้นรถสองแถวสีแดงไปขนส่งช้างเผือกก่อนน๊า ค่ารถประมาณ 20-30 บาทต่อคนถ้าคนบนรถเยอะนะ แต่รอนาน ถ้ารีบก็เหมา แบบแพงมาก 200 บาทนะที่เราเหมาไป แต่ระหว่างทางเขาก็ดันเราคนอื่นระหว่างทางมาอีก เอ้า!!! ไม่เป็นไร ทำบุญๆ ไปจ้า เป็นคนขับที่ชำนาญมา เรานั่งรถสายเชียงใหม่- ฝาง น๊า 80 บาท รถสายนี้ผ่านดอยหลวงเชียงดาว ดอยอ่างขาง แต่พวกเราไปสุดสายเลยจ้าไปฝาง ลงที่ตลาดฝางนะตัวเอง ตลาดที่นั่นเป็นตลาดย้อนยุคเชี่ยวล่ะ เพราะเป็นการวางผังตลาดแบบเดิม ผัก ผลไม้ที่เขานำมาขายนั้นก็มาจากในหมู่บ้าน และคนที่ตลาดก็เป็นกันเอง พูดคุยกับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาที่ตลาดทุกคน ให้คำแนะนำเรื่องการเดินทางขอพวกเราด้วยน๊าว่าวิธีไหนที่จะประหยัดที่สุด เราต้องเหมารถรับจ้าง หรือสองแถวในตลดอ่ะ เข้าไปที่ อช.ดอยผ้าห่มปกนะ ก็เราเหมา 250 บาท หาร 4 คน พอไปถึงเราต้องเหมากะบะ 4คูณ 4 ขึ้นไปบนดอยอีกจ้า 1,800 บาท และแล้วก็เจอผู้ร่วมชะตากับค่ารถที่แสนแพง เราเจอพี่แมว พี่นุ่นที่มาถึงดอยผ้าห่มปกช่วง 4-5 โมงเย็นพร้อมกัน พี่เขารอคนที่จะจอยค่ารถพอดีเลย เราก็เหมาไปเลย 1,800 บาท 6 คน ระหว่างที่เราขึ้้้นไปบนดอยผ้าห่มปกนั้นจะเป็นต้นสนซะส่วนใหญ่ และอีกอย่างเป็นต้นไม้ที่ต้นใหญ่มาก น่าจะมีอายุหลายปีพอควร พวกได้ชมวิวรอบๆ สวยงามมาก เพราะมองเป็นหุบเขารอบด้าน และเส้นทางที่ดีแค่ก่อนขึ้นเขา 555 แต่พอเริ่มขึ้นเขาเท่านั้นแหละ ทางเราเริ่มมีความวิบากขึ้นท่ทันที แต่ก็สนุกดีนะถือไข่ไก่ 10 ฟองไว้ไม่ให้กระแทกเพ่ื่อที่เราจะไปปิ้งไข่กินบนดอยกันจ้า พอไปถึงพวกเราก็จองเต้นท์ก่อนเลย ราคาเต้นท์ที่นู้น ถูกๆ แต่ถ้าใครเตรียมไปเองก็ได้นะ ก็มีค่าพื้นที่กางเต็นท์ 30 บาท ค่าเต็นท์ 225 บาท หมอน 10 บาท ถุงนอน 30 บาท ที่รองนอน 20 บาท ที่หน้าลานกางเต็นท์กิ่วลมเป็นลานกางเต็นท์ที่สูงที่สุดในประเทศไทยแล้วครับ 555 หน้าลานนะจ๊ะเป็นต้นสนเล็กใหญ่ไล่ระดับต่ำลงไปตามแนวเขา สวยงามมาก ยิ่งเป็นเวลาช่วงเย็นน่ะ ฟินๆๆ อากาศเย็นสบายยยย ด้านบนดอยมีร้านค้า 1 ร้านเป็นร้านลุงกับป้าแต่เราไม่ทรายว่าลุง ป้า ชื่ออะไรนะ แต่มีขนม มาม่าขายจ้า ส่วนเรื่องห้องน้ำด้านบนมีห้องน้ำบริการจ้า แต่บอกว่านะว่า รีบอาบน้ำเลยจ้าก่อนที่พระอาทิตย์จะตกดิน เพราะมืดแล้วหนาวมากกกกกกก กอไก่ล้านตัว น้เย็นเหมือนเอาน้ำมาฝาดหน้าจ้า จะบอกว่า พวกเราซื้อลูกชิ้นและไข่ไปปิ้งกินที่บนดอยด้วยเราเลือกที่จะกินก่อน ประสบการณ์ลูกเสือ-เนตรนารีที่เรียนมาก่อไฟได้จ้า จากการขอฝืนกับเตาและไฟเขามา 555 (เกือบดีแล้วเชี่ยว55) เราปิ้งลูกชิ้นได้กินลูกชิ้น แต่พอเรานั่งปิ้งไข่ ไข่แตกทุกฟองจ้า แทบไม่ได้กิน เสร็จเราพวกเราต้องรีบเอาโทรศัพท์ไปชาร์จแบตเตอรี่ก่อเน้อ เพราะว่าบนดอยน๊าา ..... เขามีไฟเวลา 18.00-20.00น. ONLY ต้องรีบไปชาร์จไฟเลยจ้า กว่าเราจะเล่นๆ โทรศัพท์กันเสร็จ อาบน้ำ 20.00-21.00น. เย็นเจี๊ยบบบบบ !!! เราจองไกด์นำทางพวกเราขึ้นไปที่ยอดดอย ในราคา 300 บาท ต่อนักท่องเที่ยว 3 คน เราก็จอยกันกับพี่อีกครั้งหารกันออกคนละ 100 บาท ไกด์นำทางนัดพวกเราเวลา 03.00 น. เพราะเราต้องเดินทางขึ้น 4 กิโลเมตรเพื่อที่จะถึงยอดดอยผ้าห่มปกนะจ๊ะ เฮ้อออ !! มาเที่ยวยังต้องตื่นเช้าา ไม่เป็นไรเพื่อดูความสวยงามที่ฝ่าฝันมา 700-800 กิโลเมตรแล้ว เราก็เหลือแค่ 4 กิโล ก็ต้องไปล่ะว่ะ จัดป๊าายยยเด้อ พวกเราตื่น 02.30 น. กันจ้า รีบไปอาบน้ำ แต่งหน้าด้วยมือที่แข็งเป๊ก ขยับมือแม้แต่จะเขียนคิ้วยังยากเลยจ้า สุดท้ายทาครีมทาแป้ง ทาลิปพอล่ะ รีบไปกันเถอะไกด์มาตามเราแล้วนะ ตอนนั้นเพื่อนจ่วมทริปคนนึงของเราไม่อยากเดิน บอกว่ารอดูทะเลหมอกที่หน้าลานกางเต็มท์กิ่วลมก็ได้มั้ง พวกเราก้เกลี่ยกล่อมเพื่อให้ไปด้วยกันจนได้ ระหว่างทาง 4 กิโลเมตร มันมืดมาก เราต้องมีไฟฉายไปนะ พวกเราไม่ได้เตรียมตัวเลย อาจจะหาข้อมูลไม่แน่นพอ เราลืมหยิบไฟฉายที่วางไว้บนเตียงมา มันอยู่ที่วิทยาลัยอ่ะ ลืมเอามาด้วย เราใช้ไฟฉายจากโทรศัพท์มือถือจ้า เราเดินทางตั้งแต่ตี 3 นะจ๊ะ ไม่มีแดดเลยจ้า มีแต่หมอกๆๆ ถ้าโชคดี ก็จะเห็นฟ้าเปิด อยากเจอแดด ต้องรอสายๆ แต่อีก 1 ฟิลก็คือ รอที่ลานกางเต้นท์ด้านล่าง จะมีกลุ่มหมอกลอยต่ำอยู่ที่ลานกางเต้นท์จ้า จากนี้ชมวิวทางลงกันนะ สว่างแล้วก็จะเก็บรูปมาฝากทุกๆ คนได้เยอะหน่อย