อีกไม่นานก็ปลายปีแล้ว มาวางแผนเที่ยวกัน! “นายรอบรู้” ขอชวนตะลุยเที่ยวเพชรบูรณ์ เมืองรองที่ต้องห้ามพลาด กับ 5 เส้นทางระดับไฮไลต์ ทั้งเขาค้อ-ภูทับเบิก-ทุ่งแสลงหลวง-ตัวเมือง-ภูลมโล ที่มีธรรมชาติดีงาม ทะเลหมอกตามหุบเขา และวัฒนธรรมน่าค้นหา นอกจากไปชาร์จพลังชีวิตแล้ว ยังเก็บใบเสร็จมาลดหย่อนภาษีได้อีก กำไรถึง 2 ต่อ! ไม่ไปคราวนี้แล้วจะไปคราวไหน มาดูกันว่าใน 5 เส้นทางมีอะไรเด็ดๆ บ้าง จะได้วางแผนเดินทางไปเก็บความสุขช่วงสิ้นปีนี้ให้เต็มอิ่ม — อยากย้ำอีกครั้งว่า เที่ยวเมืองรองต้อง.. เพชรบูรณ์ @ Route 12 ท่องทะเลภูเขาที่เขาค้อ เส้นทางหมายเลข 12 จาก อ.หล่มสักไป อ.วังทอง จ.พิษณุโลก ผ่านเขาค้อ คือเส้นทางที่ให้ความรู้สึกเหมือนขับรถลัดเลาะไปตามเส้นขอบฟ้า เพลิดเพลินกับทิวทัศน์ขุนเขาสลับซับซ้อนสองข้างทาง ช่วงหน้าฝนจะเห็นผืนป่าเขียวขจี ส่วนหน้าหนาวทะเลหมอกน่าตื่นตาตื่นใจรอพบเราอยู่ทุกเช้า ใครเคยไปแล้วก็ไม่ต้องกลัวเบื่อ เพราะมีที่เที่ยวใหม่ๆ เกิดขึ้นตลอดบนเส้นทางนี้ ที่เที่ยวโดดเด่นบนเขาค้อคือวัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว ที่มีเจดีย์สิริราชย์ธรรมนฤมิตตั้งตระหง่านบนเขา สถาปัตยกรรมอันงดงามคล้ายดอกบัวซ้อนกันเจ็ดชั้น องค์เจดีย์ประดับตกแต่งด้วยกระเบื้องหลากสีสันและของมีค่า เช่น มุก ลูกปัด แก้ว แหวน เงินทอง เป็นลวดลายสวยงามแปลกตา นอกจากนี้ยังมีมหาวิหารพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ เวลามีหมอกบางๆ ลอยปกคลุมยอดเจดีย์ เหมือนภาพสรวงสวรรค์ในจินตนาการไม่มีผิด ทุ่งกังหันลมเขาค้อเป็นอีกจุดที่น่าแวะไปถ่ายรูป กังหันลม 24 ต้นในโครงการผลิตไฟฟ้าโดยใช้พลังงานลม ตั้งเรียงรายอย่างอลังการ ที่จุดถ่ายรูปมีชิงช้าชาวเขาให้ลองนั่งทดสอบความเสียว และผลผลิตการเกษตรให้เลือกซื้อ เขาค้อยังมีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกหลายแห่ง เช่น อนุสรณ์ผู้เสียสละเขาค้อ ที่เกี่ยวโยงกับประวัติศาสตร์ช่วงที่บริเวณนี้เป็นสมรภูมิต่อสู้ระหว่างรัฐบาลไทยกับคอมมิวนิสต์ นอกจากนี้ยังมี ไร่ บี.เอ็น. แก่งบางระจัน น้ำตกศรีดิษฐ์ สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าเขาค้อ ให้เลือกเที่ยวตามความชอบ สำหรับคอกาแฟ บนเส้นทางนี้มีร้านกาแฟสดมากมายให้แวะจิบพร้อมกับชมทิวทัศน์ทะเลภูเขาสวยๆ ส่วนใครอยากนอนสัมผัสบรรยากาศความหนาวเย็น บนเขาค้อก็มีที่พักหลายแบบหลายราคาให้เลือก @ ทุ่งแสลงหลวง…ผืนป่าเงียบๆ ความสุขเพียบบนหลังอาน ผืนป่ากว้างใหญ่ในพื้นที่ของหน่วยพิทักษ์ฯ หนองแม่นา อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง บนรอยต่อของจังหวัดเพชรบูรณ์และพิษณุโลก คือดินแดนแห่งทุ่งหญ้าสะวันนากว่า 5,000 ไร่อันเงียบสงบ จะทำให้คุณค้นพบความสุขตั้งแต่พื้นดินไปจนถึงยอดสนด้วยสองล้อคู่ใจ ทุกปีเมื่อย่างเข้าสู่ฤดูฝน ป่านี้จะคึกคักด้วยนักปั่นทั้งมืออาชีพและมือสมัครเล่น จากที่ทำการหน่วยฯ ไปถึง “ทุ่งนางพญา” คือเส้นทางปั่นจักรยานระยะทาง 16 กิโลเมตรที่ควรค่าแก่การทุ่มแรงใจแรงกายพิชิตรางวัลอันเป็นธรรมชาติเขียวชอุ่มสบายตาตลอดทาง โดยจุดแรกคือจุดชมทิวทัศน์ศาลาดุสิตา ที่ที่คุณจะขึ้นไปยืนกางแขนรับลมชมทุ่งแสลงหลวงทอดตัวยาวไปถึงเขาย่าซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาเพชรบูรณ์ จากนั้นปั่นต่อเข้าสู่สันเขาปู ป่าสนที่เต็มไปด้วยสนสองใบรุ่นคุณทวดอายุอานามไม่ต่ำกว่า 200 ปี ลำต้นใหญ่ขนาดหลายคนโอบ และจุดสุดท้ายที่ทุ่งนางพญา ที่ซึ่งสนสองใบสูงสง่าขึ้นหนาแน่นท่ามกลางทุ่งหญ้า บริเวณนี้จึงเป็นที่กางเต็นท์พักแรมสำหรับคนที่อยากสัมผัสบรรยากาศแค้มปิง ณ จุดนี้ทั้งยามเช้าและยามเย็น พระอาทิตย์จะสาดแสงสีทองผ่านทิวสน บอกได้คำเดียวว่าจับจ้องกันให้ดี เพราะเป็นช็อตเด็ดที่ไม่ว่าใครก็ต้องกดชัตเตอร์รัวๆ @ ภูทับเบิก หลับฝันดีใต้ละอองหนาว ภูทับเบิกเป็นยอดเขาสูงที่สุดของเพชรบูรณ์ สูงจากระดับน้ำทะเล 1,768 ม. ที่นี่จึงมีอากาศเย็นตลอดปี อุณหภูมิเฉลี่ยไม่เกิน 25 องศาเซลเซียส มากี่ครั้งก็รู้สึกสบาย ผ่อนคลาย เหมาะกับมานอนรับลมหนาว สูดอากาศสดชื่นในคืนสุดพิเศษของปี ในฤดูฝน สีเขียวขจีของผืนป่าจะตัดกับสีขาวของละอองหมอกที่กระจายความชุ่มชื้นทั่วขุนเขา ในขณะที่ตอนเช้าของฤดูหนาวจะเห็นทะเลหมอกกว้างสุดสายตา ยามค่ำคืนก็จะได้ชมดาวเต็มท้องฟ้า ถ้ามองมาที่พื้นเบื้องล่าง ดวงไฟส่องสว่างในตัวเมืองหล่มเก่าจะดูคล้ายกับดาวระยิบระยับ ทางขึ้นภูทับเบิกสวยงามไม่แพ้เส้นทางหมายเลข 12 มีจุดชมวิวหลายแห่งน่าแวะ เช่น ดอยน้ำเพียงดินที่มองเห็นทิวเขาเพชรบูรณ์และตัวเมืองหล่มเก่าได้อย่างชัดเจน จุดชมทิวทัศน์ผาชมวิว ในช่วงหน้าฝนจะเห็นเทือกเขากว้างไกลสุดสายตา และเห็นเส้นถนนเป็นวงซ้อนกันสองชั้น แค่ไปยืนมองด้วยสองตาก็ประทับใจแล้ว ภูทับเบิกยังเป็นแหล่งปลูกกะหล่ำปลีใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในโลก หากขับรถขึ้นไปตามทางหลวงหมายเลข 2331 จะเห็นไร่กะหล่ำซึ่งปลูกตั้งแต่เชิงเขาไปจนถึงยอดภูทับเบิกเป็นจำนวนนับร้อยไร่ ไร่กะหล่ำปลีเหล่านี้เป็นของชาวม้งที่ครั้งหนึ่งเคยประกอบอาชีพปลูกฝิ่น และเข้าร่วมกับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยเมื่อปี พ.ศ. 2510 ต่อมารัฐบาลปราบปราม ทำให้ชาวม้งบางส่วนเข้ามอบตัว รัฐบาลจึงตั้งศูนย์พัฒนาและสงเคราะห์ชาวเขา จ. เพชรบูรณ์ ขึ้นในปี พ.ศ. 2525 เพื่อส่งเสริมให้ปลูกพืชอย่างกะหล่ำปลีแทนการปลูกฝิ่น บนภูทับเบิกมีหมู่บ้านชาวม้ง คือบ้านคอยน้ำเพียงดินและบ้านทับเบิก ราวต้นเดือน ม.ค. จะจัดงานปีใหม่อย่างยิ่งใหญ่ อย่าพลาดชมประเพณีการโยนลูกช่วงเพื่อหาคู่อันสนุกสนานของหนุ่มสาวชาวม้ง @ เที่ยวเส้นทางวัฒนธรรมสุดประทับใจ ในตัวเมืองเพชรบูรณ์ ใครชอบเรื่องราวประวัติศาสตร์ ไม่ควรพลาดตัวเมืองเพชรบูรณ์ ที่มีที่เที่ยวเชิงความรู้และวัฒนธรรมหลายแห่ง แถมยังมีถนนคนเดินทุกวันศุกร์อีกด้วย ที่แรกที่ต้องแวะคือหอโบราณคดีเพ็ชรบูณ์อินทราชัย แนะนำให้เข้ามาชมเพื่อเรียนรู้ที่มาที่ไปของเมืองเพชบุระแบบย่อๆ แถมจัดแสดงแบบทันสมัยไม่น่าเบื่อ เดิมอาคารหลังนี้เป็นศาลากลางจังหวัดเพชรบูรณ์หลังเก่า มีการปรับปรุงเป็นนิทรรศการเรื่องราวทางประวัติศาสตร์และโบราณคดี รวมถึงประเพณีและวิถีชีวิตของคนเพชรบูรณ์ เช่น ร้านรวงสมัยโบราณ ตำนานพื้นบ้าน อาหารพื้นถิ่น ภาพถ่ายภาพแรกของเพชรบูรณ์ การแข่งเรือ ลาวพุงขาว จิตกรรมฝาผนัง ประเพณีก่อพระเจดีย์ทรายกลบธาตุ ผีตาโม่ง ฯลฯ ทุกวันศุกร์จะมีวิทยากรพาชม รอบ 6 โมงเย็น และ 1 ทุ่ม พอมีความรู้เบื้องต้นแล้วไปเที่ยวที่ไหนต่อก็สนุก ด้านหน้าหอโบราณคดีเพ็ชรบูณ์อินทราชัย มีรถรางพาเที่ยว จอดให้บริการทุกวัน ใครอยากเที่ยวตัวเมืองเพชรบูรณ์แบบทีเดียวครบ แถมไม่ต้องเปลืองแรงขับรถเอง ขอแนะนำเป็นอย่างยิ่ง รถรางจะพาเราไปแวะชมตามจุดต่างๆ ในเมือง เช่น หอภูมิปัญญาและวิถีชาวบ้านเพชรบูรณ์ จัดแสดงเรื่องการทำมาหากินดั้งเดิม 6 เรื่อง คือ ข้าว ข้าวโพด มะขามหวาน ใบยาสูบ การหาของป่า และวิถีชีวิตริมน้ำป่าสัก รถจะวิ่งผ่านหอนาฬิกาแชมป์โลกคู่แฝดคือเขาทรายกับเขาค้อ แวะวัดมหาธาตุ ให้กราบนมัสการหลวงพ่อเพชรมีชัยพระพุทธรูปศิลปะสุโขทัยอันงดงาม จอดชมเรื่องราวของป้อมปราการต่างๆ ในนิทรรศการกำแพงเมืองเพชรบูรณ์ แวะวัดไตรภูมิ นมัสการพระพุทธมหาธรรมราชา ต้นกำเนิดประเพณีอุ้มพระดำน้ำ นอกจากนี้ยังแวะสถานที่น่าสนใจอื่นๆ เช่น ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง ศาลหลักเมืองเพชรบูรณ์ซึ่งเชื่อกันว่าเก่าแก่ที่สุดในประเทศ ประติมากรรมมะขามหวาน ฯลฯ ในตัวเมืองมีร้านอาหารเจ้าอร่อยหลายร้าน รวมถึงตลาดโต้รุ่งแหล่งอาหารมื้อเย็นที่เต็มไปด้วยอาหารสารพัดชนิด ส่วนที่พักก็มีแบบที่ตกแต่งบูทีคน่ารักและแบบมาตรฐาน ทุกเย็นวันศุกร์จะมีถนนคนเดิน บริเวณถนนหน้าศาลเจ้าพ่อหลักเมือง ให้เดินชอปปิงและชมการแสดงกันเพลินๆ ด้วย @ ภูลมโล เมื่อหุบเขาเปลี่ยนเป็นสีชมพู ถ้าปีนี้ลมหนาวมาเร็ว เราอาจจะได้เห็นดอกนางพญาเสือโคร่งที่ภูลมโลบานสะพรั่งทันก่อนสิ้นปี ถ้าคุณกำลังมองหาที่เที่ยวที่มีดอกไม้สีชมพูสวย รับลมหนาว ภูลมโลคือคำตอบที่ใช่เลย “ภูลมโล” ตั้งอยู่ที่ ต. กกสะทอน อ. ด่านซ้าย จ.เลย บนพื้นที่รอยต่อของ 3 จังหวัด หากมาจากเพชรบูรณ์ สามารถขึ้นทางภูทับเบิก ผ่านเข้าสู่อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้าไปที่ภูลมโลได้ จุดสูงสุดจะอยู่ที่บริเวณ “ยอดภูลมโล” มีความสูง 1,680 เมตร จากระดับน้ำทะเล มีอากาศหนาวเย็นตลอดปี แต่ไฮไลท์ที่ทำให้ใคร ๆ อยากจะมาสัมผัสที่นี่สักครั้งคือ แปลงดอกนางพญาเสือโคร่ง หรือ ซากุระเมืองไทย บนพื้นที่กว่า 1,200 ไร่ ที่เรียกได้ว่าใหญ่ที่สุดในประเทศ เกิดจากที่อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้าขอคืนพื้นที่ป่าเสื่อมโทรมจากชาวม้ง โดยยังให้ปลูกพืชไร่ไปอีก 3 ปี แต่ต้องปลูกต้นนางพญาเสือโคร่งควบคู่ไปด้วยเพื่อฟื้นพื้นที่ป่า ก่อนจะออกจากพื้นที่อุทยานฯ เมื่อครบกำหนด ต้นนางพญาเสือโคร่งในวันนั้นจึงเติบใหญ่เต็มภูเขาในวันนี้ ดอกพญาเสือโคร่งจะบานในช่วงฤดูหนาว ตั้งแต่ปลายเดือนธันวาคม ถึง กุมภาพันธ์ โดยประมาณปลายเดือนมกราคม ใบของต้นพญาเสือโคร่งก็จะร่วงหล่นจนหมด ดอกสีชมพูอ่อนจะบานชูช่อเต็มต้น สะพรั่งไปทั่วทั้งพื้นที่ เปลี่ยนภูเขาบริเวณนั้นให้กลายเป็นสีชมพู สวยงามราวกับดินแดนในเทพนิยาย เส้นทางขึ้นชมความงามของภูลมโลค่อนข้างจะชัน จึงอยากแนะนำให้จอดรถไว้และใช้บริการรถของชาวบ้าน คิดราคาคนละ 100 กว่าบาท ใช้เวลาชมประมาณ 1-3 ชม. นอกจากปลอดภัยแล้วยังกระจายรายได้ให้กับชุมชนที่ช่วยกันดูแลผืนป่าและอนุรักษ์ภูลมโลอีกด้วย