เกาะตะรุเตาเมื่อราว 80 ปีก่อนเป็นที่คุมขังนักโทษคดีอุกฉกรรจ์และนักโทษการเมือง ใครถูกส่งไปก็เหมือนถูกขังลืม นอกจากไกลสุดโพ้นทะเล คลื่นลมรุนแรงในฤดูมรสุม รอบเกาะยังมีจระเข้และฉลามชุมชุมเป็นเหมือนป้อมปราการหลายชั้น จนยากที่ใครจะหลบหนีออกมาสำเร็จ อดีตนักโทษคนหนึ่งเรียกว่าเป็น “นรกกลางทะเลลึก” ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 อาหารที่ส่งมาจากบนฝั่งขาดแคลน ทำให้นักโทษรวมตัวกันเป็นโจรสลัดแห่งเกาะตะรุเตาออกปล้นปล้นเรือสินค้า เดือดร้อนรัฐบาลต้องเข้ามาปราบปราม ทำให้ต่อมามีการยกเลิกการคุมขังทั้งหมดและประกาศเป็นเขตอุทยานแห่งชาติ ...แค่อ่านเรื่องราว ก็ทำให้เราอยากไปสัมผัสประวัติศาสตร์อันมีมนต์เสน่ห์ของเกาะแห่งนี้ด้วยตาตนเอง! เรือเทียบท่าที่อ่าวพันเตมะลากา เรามุ่งหน้าไปชมพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงเรื่องราว “นิคมฝึกอาชีพตะรุเตา” ซึ่งเคยคุมขังนักโทษกว่า 3,000 ชีวิต มีของใช้และเรื่องราวที่บอกเล่าว่าพวกเขาถูกใช้ให้ทำงานราวกับทาส ขณะเดียวกันก็ต้องเผชิญกับความแร้นแค้นและไข้ป่า ถึงอย่างนั้นก็มีนักโทษคนหนึ่งที่สร้างผลงานอันมีคุณูปการอย่างยิ่งกับสังคมไทย คือ สอ เสถบุตร ผู้เขียนพจนานุกรมอังกฤษไทยซึ่งใช้กันอย่างแพร่หลาย ขณะถูกคุมขังที่นี่ ที่อ่าวตะโละมาเนาะอีกฟากของเกาะ มีเดินเส้นทางศึกษาประวัติศาสตร์ ซึ่งเชิญอดีตนักโทษมาช่วยจำลองสภาพแวดล้อมในสมัยนั้น ทั้งบ้านผู้คุม โรงเลื่อย เรือนนอนนักโทษ หลุม 700 ศพ ทำให้เราค่อยๆ เห็นภาพชัดเจนขึ้น ที่น่าสนใจคือ “ตึกแดง” ซึ่งใช้ลงโทษหนักที่สุด นักโทษจะถูกขังเดี่ยวในอาคารเล็กๆ ทำด้วยเหล็กที่ตั้งอยู่กลางแจ้ง เมื่อแดดแผดเผาจะทรมานมาก ยังมีการลงโทษที่รุนแรงอื่นอีกเช่นตีด้วยไม้คมแฝกหรือขังไว้กลางทะเล แม้ประวัติศาสตร์อาจดูโหดร้าย แต่วันนี้มันก็เงียบหายราวคลื่นกระทบฝั่ง ทุกสิ่งผ่านไปเหลือไว้เพียงธรรมชาติที่สมบูรณ์สวยงาม หาดทรายที่ขาวละเอียด น้ำทะเลใส โอบล้อมด้วยท้องฟ้าสีคราม ในตอนเย็นๆ เราขึ้นไปที่จุดชมวิวผาโต๊ะบู ชมพระอาทิตย์ตก มองเห็นเกาะไข่ เกาะกลาง และเกาะอาดังอยู่ไกลๆ มีสายลมเย็นพัด รู้สึกผ่อนคลายและสบายใจ วันต่อมาเราเดินทางไปอีกเกาะที่มีเรื่องราวชวนค้นหาไม่แพ้กันนั่นคือ เกาะหินงาม ซึ่งชายหาดเต็มไปด้วยก้อนหินกลมมนสีดำลวดลายแปลกตา มีตำนานเล่าขานว่าผู้ใดเก็บหินไปจะต้องมีอันเป็นไป จริงหรือไม่ไม่รู้ แต่มีนักท่องเที่ยวส่งหินที่ขโมยไปใส่กล่องพัสดุกลับมาคืนที่อุทยานฯ เพราะเชื่อว่าโดนอาถรรพ์คำสาปเจ้าพ่อตะรุเตา! อีกเกาะคือเกาะไข่ เกาะเล็กๆ ซึ่งมีหินธรรมชาติเป็นรูปสะพานโค้งตั้งอยู่บนหาดทรายขาวสะอาด เรียกกันว่า “ซุ้มรักนิรันด์” เชื่อว่าคู่รักที่มาลอดจะครองคู่กันอย่างมีความสุข ...ยังไม่มีใครพิสูจน์ความจริง แต่คงไม่สำคัญเท่าไรนัก เพราะเรื่องราวเหล่านี้ล้วนเป็นสีสัน แต่งแต้มให้ธรรมชาติที่สวยงาม ยิ่งมีมนต์เสน่ห์มากขึ้นไปอีก ล้อมกรอบ - มีเรือโดยสารจากท่าเรือปากบาราไปเกาะตะรุเตา ใช้เวลาเดินทางประมาณ 45 นาที - เรือสปีดโบ๊ตไปเกาะตะรุเตา-เกาะหลีเป๊ะ มักแวะจอดให้ชมเกาะไข่ ประมาณ 15-20 นาที - เกาะหินงามมักอยู่ในโปรแกรมดำน้ำตื้น (รอบใน) ของเกาะหลีเป๊ะ - ช่วงเวลาที่เหมาะสมกับการเที่ยว คือเดือน พ.ย.-พ.ค. - อุทยานแห่งชาติตะรุเตา โทร. 07478-3485, 0-7478-3597