หากชีวิตวัยเด็กเคยได้อาศัยอยู่ในพื้นที่ลุ่ม มีน้ำขัง ก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงต้นกกไปได้ และตอนนั้นอาจจะมองว่ามันคือวัชพืชชนิดหนึ่ง ที่ไม่แน่ใจว่าจะมีประโยชน์อื่นใด นอกจากปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาติ แต่แล้วภูมิปัญญาชาวบ้าน ก็สามารถนำต้นกกเหล่านี้มาดัดแปลงเป็นข้าวของเครื่องใช้ได้ อย่างเช่น เสื่อกก ที่ดูจะเป็นผลิตภัณฑ์ที่อยู่คู่กับสังคมคนไทยมาเนิ่นนาน ปัจจุบันต้นกกถูกนำไปใช้งานต่าง ๆ มากมาย แม้กระทั่งงานประดับ ก็ถูกนำไปใช้ เช่นประดับเป็นไม้ในกระถาง แม้กระทั่งฉากหลังในงานแต่งงานบางแห่ง ก็เอาต้นกกมาใช้ การพัฒนาเกิดขึ้นตลอดเวลาในชีวิตมนุษย์ กกก็ไม่ได้คงอยู่ที่การนำไปทำเสื่อหรือต้นประดับอีกต่อไป และด้วยพื้นที่ลุ่มน้ำในหลายจังหวัด ก็เป็นแหล่งต้นกกชั้นดี ซึ่งมีชุมชนหนึ่งที่นำกกมาสร้างเป็นผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่นและไม่เหมือนใครได้อย่างสวยงาม อีกทั้งยังเป็นสินค้าขายดี สถานที่แห่งนั้นคือ "ศูนย์หัตถกรรมพื้นบ้านทอเสื่อกกบ้านเสม็ดงาม" จังหวัดจันทบุรี มะลิ เพชรกุล หรือชื่อที่คุ้นเคยในชุมชนว่าแม่มะลิ ผู้ก่อตั้งศูนย์หัตถกรรมแห่งนี้ กล่าวถึงการนำกกมาสร้างเป็นกระเป๋า ที่ภายในศูนย์หัตถกรรมแห่งนี้ ถือว่าเป็นศูนย์การสร้างงานหัตถกรรมที่โดดเด่นแห่งหนึ่งของจันทบุรี และด้วยความชำนาญงานที่ลงมือทำมาตั้งแต่สาว ๆ กระเป๋ากกจากศูนย์หัตถกรรมแห่งนี้จึงดูสวยงาม และโดดเด่น อีกทั้งยังการันตีได้ถึงความแข็งแรงที่นำไปใช้งานได้นาน “กระเป๋าทำจากต้นกก ใส่ได้ทุกอย่าง ลายแบบผ้าไหม ทำแบบยกดอก นูนสวย ชัดเจน ส่วนอันนี้เป็นกระเป๋าใส่ของถวายไปวัด พวกดอกไม้ธูปเทียน ไปตลาดก็ได้ เหมาะสำหรับวัย 70 ขึ้น นิยมมาก ทำไม่ทันขาย เป็นลายทอแบบเสื่อผืนใหญ่ เรียกว่าลายไข่มุก ลายโบราณมันมีนานแล้ว หลายชั่วอายุคนก็ขายยาก อยากให้ขายดีขึ้น ก็เลยปรับลายให้ทันสมัย มีการย้อมสี แต่งสีแดงดำเป็นฟ้าเขียว จนมีหลายสีและหลายแบบ” แม้ว่าแม่มะลิจะอายุเข้าวัยเกษียณแล้ว แต่มุมมองและแนวคิดถือว่าเป็นคนที่เปิดกว้าง และปรับเปลี่ยนผลิตภัณฑ์ให้เข้ากับยุคสมัยและไม่ทิ้งความดั้งเดิมในงานนั้นออกไป ถือได้ว่าเป็นการประยุกต์สิ่งของดั้งเดิมให้เข้ากับกาลเวลาที่หมุนไปตลอดเวลา และนี่จึงทำให้งานหัตถกรรมของศูนย์แห่งนี้ ขายดีและสร้างรายได้ให้กับชุมชน ทั้งนี้ แม่มะลิยังได้เปิดเผยวิธีการทำที่เรียบง่ายแต่ทำให้ผลิตภัณฑ์น่าสนใจ “กกที่ใช้ก็เป็นกกในนาแถวบ้าน ใช้แบบยาวหนึ่งเมตรขึ้นไป กกสั้น ๆ ไม่ใช้ อันไหนที่มีตำหนิก็ไม่ใช้ ใช้แต่สีเขียวสวย ๆ เนียน ๆ ปีหนึ่งตัดได้ประมาณสองครั้ง ตัดไว้เยอะ ประมาณสองถึงสามร้อยมัด แล้วก็เอามาผ่าไส้ จากนั้นก็นำไปตากให้แห้ง พอแห้งก็เอาไปแช่น้ำสิบสองชั่วโมงให้มันอ่อนตัว ถึงเอาไปย้อมสี แล้วก็เอาไปตากให้แห้งอีกครั้ง จากนั้นมาขัดสีให้เงาแล้วถึงทอ” ถึงผลิตภัณฑ์จะเป็นภูมิปัญญาชาวบ้าน มีการนำพืชไร้ประโยชน์มาสร้างมูลค่าเพิ่มจนขายได้ดี แต่ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมมีปัญหาของมัน ซึ่งไม่ใช่ปัญหาด้านคุณภาพงาน แต่กลับเป็นปัญหาในเรื่องของการสืบทอดวิชาเหล่านี้ ที่มิอาจรู้ได้ว่างานหัตถกรรมทำมือที่โดดเด่นเช่นนี้ จะเป็นอย่างไรต่อไปในภายภาคหน้า “ยี่สิบกว่าปีก่อน ทอเสี่ยกันสามร้อยหลัง แทบทุกบ้าน ช่วงหลังเศรษฐกิจมีการเปลี่ยนแปลง คนก็หันไปทำงานอื่น ก็หยุดทอเสื่อกัน จากสามร้อยหลังเหลือร้อยหลัง จากร้อยหลังเหลือห้าสิบหลัง ปัจจุบันเหลือห้าหลังที่ทอเสื่ออยู่ คนรุ่นใหม่ไม่ค่อยสนใจ หันไปทำอย่างอื่น มันได้เงินเยอะกว่า ก็มีแต่คนอายุหกสิบขึ้นไปที่ยังทำอยู่ ทำเพราะใจรักล้วน ๆ” ปฏิเสธไม่ได้ว่าเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลง เทคโนโลยีอุตสาหกรรมที่เติบโตขึ้น ย่อมทำให้คนรุ่นใหม่เลือกที่จะแสวงหาสิ่งใหม่ ๆ ความก้าวหน้าทางอาชีพกับรายได้ที่มากขึ้นในเมืองใหญ่ และไม่อยากจะทำงานในท้องถิ่นอีกต่อไป งานหัตถกรรมพื้นบ้านในอดีตที่เป็นงานทั่ว ก็เริ่มเข้าสู่การเป็นงานอนุรักษ์มากขึ้น “เสียดายที่อีกห้าปีก็น่าจะหมด แต่จะพยายามอนุรักษ์ไว้ คาดหวังกับคนรุ่นใหม่ให้เข้ามาทำเหมือนกัน แต่คาดหวังน้อยนะ ต้องรอให้เขาไม่มีงานทำก่อน ถึงจะมาทำกัน” แม่มะลิกล่าวอย่างเป็นกันเอง น้ำเสียงที่ปราศจากความกังวลใจ อีกทั้งคำถามนี้ก็ไม่ได้ทำให้คนในชุมชนเสม็ดงามต้องเครียดหรือท้อใจแต่อย่างใด เพราะพวกเขาล้วนมองว่ามันเป็นความสุขอย่างหนึ่ง ทียังได้ทำงานนี้ “มีความสุขดีที่ได้ทอ ทำงานร่วมกัน มีคนมาช่วยทอ ช่วยเย็บ ได้เจอหน้ากัน คุยกันก็มีความสุขดี ไม่เครียด แข็งแรง อากาศต่างจังหวัดมันดี คนที่ทำต้องใจรัก ไม่อดทนทำไม่ได้ เพราะนั่งทั้งวัน วันหนึ่งต้องทำได้อย่างน้อย 2 เมตร ต้องทนทำให้ได้ มันอยู่ในสายเลือด ทำมาตั้งแต่สาว ๆ ดีใจนะที่ได้ทำงานนี้ ได้ช่วยเหลือชาวบ้านลูกหลานให้มีงานทำ ได้ออกกำลังกายไปในตัวด้วย” แม้จะเป็นศูนย์หัตถกรรมพื้นบ้านเล็ก ๆ แต่ก็ต้องยอมรับว่าในอาคารหลังเล็ก ๆ ในจังหวัดฝั่งตะวันออกที่มีอากาศดีแล้ว ก็ยังมีความสุข ความอบอุ่นรายล้อมอยู่ งานทุกชิ้นที่ตั้งอยู่ตรงหน้าให้เห็น จึงไม่มีแค่ความสวยงาม แต่ทุกเส้นที่ทอลงไปนั้น มีทั้งความใส่ใจ ความเป็นกันเอง และอาจจะสัมผัสได้ถึงรอยยิ้มแห่งความสุขเป็นผลิตภัณฑ์เหล่านี้ ที่เกิดขึ้นที่ศูนย์หัตถกรรมพื้นบ้านทอเสื่อกกบ้านเสม็ดงาม จังหวัดจันทบุรี ติดต่อได้ที่: มะลิ เพชรกุล โทรศัพท์: 081-762-3362 Facebook: https://www.facebook.com/MatHandmadeByChanthaburi/