กระต่ายขาวตัวน้อย สัญลักษณ์ประจำร้านที่หลายๆคนรู้จักกันดี ในนาม Mika Patisserie (มิกะ ปาทิซิเย่) เมนูเป็นที่กล่าวขาน คงหนีไม่พ้น Chocolate Truffle Cake หรือ ช็อกโกแลตไร้แป้ง พวกเรารู้จักร้านนี้จากการรีวิวมาอีกทีหนึ่ง แต่การบรรยายรูป รส กลิ่น และความอร่อยนั้น ทำให้อดใจไม่ไหวต้องขอตามมาลองด้วยตัวเองให้ได้ ที่ Emquartier 'ความผิดพลาดมักกลายเป็นบทเรียนเสมอ' คงใช้ได้ดีกับสิ่งที่จะเล่าต่อจากนี้ไป ฉันและเพื่อนขึ้นไปชั้นโรงหนังตามที่ข้อมูลบอกมาแบบเป๊ะๆ และเดินผ่านหน้าร้านไปด้วยความไม่สังเกต เราต่างเห็นว่าเป็นร้านอาหาร เลยพยายามมองหาในทิศทางอื่นๆ แทน จนไม่ได้โฟกัสว่า จริงๆ แล้วร้านที่เราตามหาก็อยู่ตรงหน้านั่นแหละ ประมาณว่าถ้าเป็นงู ก็คงโดนฉก จนต้องรอรถโรงพยาบาลมารับเรียบร้อยแล้วแน่ๆ พวกเราเดินไปเรื่อยๆ ผ่านทางเชื่อมที่เป็นกระจกใส จนย้ายไปอยู่อีกโซนหนึ่งของห้าง บทสรุปสั้นๆ ในช่วงเวลานั้น เราหาร้านกันไม่เจอ แต่พวกเราไปเจอพื้นที่นั่งพัก ไม่เชิงเป็นดาดฟ้า เอาเป็นว่าคล้ายคลึง เหมาะสมกับการไปถ่ายรูปมากๆ ถึงกับต้องหันมองหน้าพร้อมใช้สายตาสื่อถึงกันเป็นประโยคใจความประมาณว่า เดี๋ยวค่อยหาร้านต่อ ขอหยิบโทรศัพท์มา แชะๆ ก่อนสักรูป สองรูปเนอะ ^^ “ร้านอยู่ไหนนะ” “ตามข้อมูลบอกว่า ‘ชั้น 4 ข้างโรงหนัง’ มาถูกแล้วนี่” “ไหนนน!!!!” “เปิด GPS เลยก็แล้วกัน” ฉันตัดสินใจเข้า Google Map ขึ้นมาเปิด GPS หลังจากประโยคของฉันกับเพื่อนจบลง ชั้น 4 ข้างๆ โรงหนัง ก็คือ โซนแรกที่เราขึ้นบันไดเลื่อนกันมาเลยนี่ แล้วทำไม??? - ระยะการเดินทาง 1 นาที - ข้อความที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอ ทำให้ฉันยิ่งมั่นใจว่าร้านอยู่ใกล้ๆ ตัวฉันแน่นอน เราเดินกลับมาทางเดิม ผ่านทางเชื่อม และข้ามมายังจุดเดิมอีกครั้ง ‘ถึงจุดหมายปลายทาง’ คำพูดของหญิงสาวนิรนามผู้ทำหน้าที่เป็น GPS ดังขึ้น ขณะที่ฉันก้าวพ้นทางเชื่อมเพื่อกลับมายังโซนโรงหนังเพียงแค่ก้าวเดียว “มีแต่ร้าน Sushi Seki กับ Starbucks นี่หน่า โดนหลอกแล้ว” ความรู้สึกของฉันคิดว่า GPS ไม่เคยโกหก ถ้าจะผิดหลาดบ้างก็อาจจะเป็นไปได้แต่ก็... I don’t know. เราสองคนเดินผ่าน Sushi Seki และสอดส่องเข้าไปภายในร้าน ก่อนจะพบว่า Mika Patisserie ที่ตามหา อยู่ข้างหน้าทางเข้าออกของร้านนี้!!! เหมือนเป็นร้านซูชิที่มีสับเซ็ตเป็นร้านมิกะอีกที เป็นเหตุผลที่ว่า ทำไมฉันถึงหาไม่เจอ ไม่ใช่เพราะร้านเขาดูลึกลับหรอกนะ แต่เป็นเพราะว่า ‘ฉัน ไม่ สัง เกต’ ต่างหาก!!! เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า หลงทางเสียเวลา หลงรักร้านมิกะขึ้นมา ให้หาร้าน Sushi Seki เมนูภายในใจที่คิดเอาไว้ก่อนออกจากบ้านมีเพียงหนึ่งเดียว แต่เมนูที่ล่อตาล่อใจมีเพียบค่ะท่านผู้ชมมม “ขอเป็น Half Chocolate Truffle Cake กับ Ultimate Blueberry Cheese Pie ค่า” “ Chocolate Truffle Cake เป็นแบบร้อนหรือเย็นดีคะ” พระเจ้า! ปกติต้องร้อนหรือเย็นนะ “ครึ่งๆ สามารถไหมคะ” “ได้ค่ะ เชิญนั่งรอที่โต๊ะด้านในนะคะ” ร้อยยิ้มของพี่พนักงานบ่งบอกว่าฉันไม่ได้สั่งอะไรที่ผิดแปลกไปจากปกติ แสดงว่าคนที่มาที่นี่ คงมีหลายคนที่สั่ง ครึ่งร้อน ครึ่งเย็นแบบฉัน อิอิ เมื่อทั้งสามเมนูถูกวางลงบนโต๊ะ ทุกกิจกรรมและเรื่องพูดคุยก็จบลง พวกเราหยิบอุปกรณ์ในการชิมขึ้นมาเตรียมพร้อมและเริ่มลงมือตักทันที สายตาแห่งความเหนื่อยล้าในการเดินได้หมดไปเปลี่ยนเป็นแววตาที่เป็นประกายทันทีเมื้อลิ้นสัมผัสกับรสชาติของขนมหวาน สั้นๆ ก่อนเลยก็แล้วกัน “ดียยยยยยยยยยยย์” เราจะมาเริ่มที่เมนูแรก Chocolate Truffle Cake ราคา 320 บาท บอกตรงๆ ว่าตอนเห็นราคาก็ตกใจอยู่เหมือนกันนะ แต่ทุกคนก็เคลมมาว่า ‘อร่อย ต้องลอง ต้องโดนไปโดนให้ได้' แบบนี้ก็ต้องยอมจ่ายไปตามระเบียบ เราขอบอกเอาไว้ก่อนว่า 1 half กินสองคนยังอิ่มแบบพักช็อกโกแลตไปหลายวันเลย เพราะฉะนั้น 2-4 คน ก็ยังไหว ซึ่งลองคำนวนจริงๆ ก็ตกคนละ 100 กว่าบาท (อาจจะไม่ถึงด้วยซ้ำ) ถือว่าไม่แพงเท่าไหร่เมื่อเทียบกับคุณภาพที่ได้รับ ลุยกันกับ Chocolate Truffle Cake (แบบร้อน) อร่อยมากกกก ปลื้มมากอันนี้ เข้าใจเลยว่าทำไมทุกคนถึงพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าดี! นึกภาพตามกันนะคะ ช็อกไร้แป้ง มาเสริฟแบบร้อนๆ เพิ่งอบมาใหม่ๆ ข้างในเป็นช็อกไหลเยิ้มมาเลย กลิ่นตบจมูกมากก หอมอบอวลไปหมด ว่าด้วยเรื่องรสชาติ ช็อกโกแลตเข้มมาก ไม่หวานเท่าไหร่ สำหรับคนที่ชอบหวานน้อยน่าจะตอบโจทย์เลยหละทุกคน แต่กินไปจนหมดอาจจะรู้สึกว่าความหวานเพิ่มขึ้นมานิดหน่อย และเลี่ยนๆนิดนึง ถึงแนะนำให้พาเพื่อนๆ ไปกินด้วยกัน เพราะถ้ากินในปริมาณที่พอดี บอกเลยว่า ประทับใจ ! ปล. ให้ความรู้เพิ่มเติมนะคะ หากจะซื้อกลับบ้านไป อบในเวลาประมาณ 5-10 วินาที จะได้เนื้อสัมผัสกำลังดี มาต่อกันที่ Chocolate Truffle Cake (แบบเย็น) แบบเย็นจะเป็นแบบปกติที่อยู่ในตู้เค้กเลยค่ะ ออกจากตู้หั่นแบ่ง 1 ส่วนไปอบ และอีก 1 ส่วนก็เสริฟเลย สำหรับเรา แบบเย็นข้างในจะเหนียวๆ นิดนึง แต่พอทิ้งไว้สักพัก จะคล้ายๆ Nama Chocolate เนื่องจากเป็นช็อกโกแลตที่โดนความร้อนแล้วจะแปลงร่างเป็นลาวา พอไม่ได้ผ่านความร้อนเลยเหนียวๆ หนึบๆ หน่อย ซึ่งก็อร่อยไปอีกแบบ แต่เราชอบแบบร้อนมากกว่าเลยเดินไปให้พี่พนักงานอบให้อีกที 5555555555 ปล. อันนี้อยู่ที่ความชอบของแต่ละบุคคลนะคะ ถ้าจะให้แนะนำลองสั่งแบบครึ่งๆ ไปก่อนก็ย่อมได้ อีกเมนูที่สั่งมาด้วยความสเน่หา เพราะก่อนนหน้านี้ไม่ได้แพลนเอาไว้ "Ultimate Blueberry Cheese Pie" เมนูนี้ ยื่นแบงค์สีแดงไป 2 ใบ ยังมีเงินทอนมาให้นะคุณ เพราะราคาเพียง 195 บาทเท่านั้น คำว่า บลูเบอร์รี่เน้นๆ มีอยู่จริง!! อ่านไม่ผิดหรอกค่ะ บลูเบอร์รี่สดเป็นลูกๆเลย สดเหมือนออกมาจากสวน แม้ในความเป็นจริงจะออกมาจากตู้เค้กก็ตาม แต่เป็นลูกจริงๆ ไม่มีแช่แข็งปลอมปนเข้ามาแน่นอน คอนเฟิร์มด้วยภาพอีกที ฉันเป็นคนหนึ่งที่ชอบบลูเบอร์รี่ชีสพาย ก็จะบอกตรงนี้แบบไม่อวย พูดกันตามความจริงไปเลยจ๊ะ อร่อย!!! ชอบมากกกก ตัวพายกรุบๆ แล้วเนื้อครีมชีสก็ไม่หวานมาก มีความหอมๆ มันๆ ตอนกินกับบลูเบอร์รี่สด ความเปรี้ยวนิดๆ หวานหน่อยๆพร้อมความหอมละมุนๆ สามารถตัดเลี่ยนได้ดีเลยอะ อันนี้ปลื้มจริง ถือว่าคุ้มราคามากๆ > พวกเราแอบเสียดายนิดๆ ที่ไม่ได้ลอง Dark Chocolate Drink คราวหน้าจะไม่พลาดจ้าาา สำหรับใครที่ยังไม่ได้ไปลอง ต้องแกล้งๆ แวะเข้าไปลองดูแล้วแหละ Information: Mika Patisserie - Emquartier , 4th Fl ข้างๆ โรงหนัง ***หากมองหาร้าน Sushi Seki เจอทุกอย่างจะจบ แล้วอย่าหลงทางแบบฉัน!!!