สวัสดีค่ะ วันนี้เราก็มีเรื่องราวดีๆ เกี่ยวกับการท่องเที่ยวมาแชร์อีกเช่นเคย โดยเฉพาะหลายคนที่กำลังมองหาสถานที่ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ตามแบบฉบับของวิถีชุมชน และได้สนุกสนานเพลิดเพลินไปกับบรรยากาศผ่อนคลายสบายใจท่องเที่ยวไปในวิถีท้องถิ่น อีกทั้งยังได้สัมผัสกับวิถีชีวิตชุมชนแบบดั้งเดิม และตอนนี้ในประเทศไทยของเรา ก็มีหลายหมู่บ้าน หลายท้องถิ่นที่เริ่มหันมาให้ความสำคัญ กับการวางแผนการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ยิ่งกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวที่มีหัวใจสีเขียวทั้งหลาย อยากจะเก็บเสื้อยัดใส่กระเป๋า ออกเดินทางออกไปเที่ยวเต็มทน หลังจากที่ทุกคนกำลังเลือกว่าจะไปเที่ยวที่ไหนดี เราจึงขอแนะนำชุมชนแห่งหนึ่งซึ่งมีความน่าสนใจมากๆ ชุมชนนี้มีชื่อว่า “บ้านแหลมนาว” ตั้งอยู่ที่ ตำบลนาคา อำเภอสุขสำราญ จังหวัดระนอง นั่นเอง ความพิเศษของชุมชนแห่งนี้คือ หมู่บ้านที่ไม่มีถนน และมีเพียงเรือเท่านั้นที่ใช้เป็นพาหนะในการเดินทาง ลักษณะบ้านเรือนเป็นบ้านไม้หลังเล็กกระจิ๋วหลิว บรรยากาศสุดเรียบง่าย โดยที่เสาบ้านปักอยู่ในทะเล หมู่บ้านแหลมนาวรณรงค์ “การประมงเชิงอนุรักษ์” เป็นปฏิบัติการที่สืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่น ชาวบ้านที่นี่ทุกคนตระหนักรู้ดีว่า ความน่ากลัวที่มาจากฝีมือของมนุษย์นั้น ส่งผลกระทบร้ายแรงออกไปเป็นวงกว้าง อันก่อให้เกิดทรัพยากรทางธรรมชาติถูกทำลาย อีกทั้งพวกเขาต่างก็ตระหนักดีว่าทรัพยากรทางทะเลที่พวกเขาใช้นั้น มีคุณค่ามากเพียงใด กว่า 20 ปี ที่ชาวบ้านร่วมกันตั้งกฎ และมีการตกลงร่วมกันในเรื่องของการจับสัตว์น้ำ ที่จะไม่ทำลายวงจรชีวิตของสัตว์ทะเล เช่นการจับกุ้งมังกร ห้ามใช้วิธีดำลงไปล่าจากซอกหิน วิธีเดียวที่สามารถทำได้คือการวางอวนตาห่าง และรอให้กุ้งมาติดอวนเอง ส่วนบรรดาลูกกุ้งตัวเล็กตัวน้อยก็จะปลอดภัยในบ้านของมัน สืบเนื่องมาจากการใช้อวนที่มีตาห่าง ฉะนั้นมั่นใจได้เลยว่านอกจากลูกกุ้งแล้ว ลูกปู ลูกปลา ทั้งหลายจะไม่มาติดอวนชาวบ้านแน่นอน ส่วนการเพิ่มจำนวนประชากรสัตว์ทะเล ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ชาวบ้านทำควบคู่ไปด้วย เช่น หอยชักตีน ที่หลายคนพอจะทราบดีว่าเป็นหอยขนาดใหญ่รสชาติหวาน อร่อย และการจะจับหอยของชาวบ้าน ชาวบ้านจะจับเฉพาะหอยตัวใหญ่เท่านั้น โดยลูกๆ ของมันจะทำการฝังโคลนไว้เพื่อให้พวกมันขยายพันธุ์ต่อไป และต่อมา นายพิเชษฐ์ ภักดี ผู้ใหญ่บ้าน จึงคิดหาแนวทางที่จะดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาเยี่ยมชมวิถีชีวิตในชุมชนมากยิ่งขึ้น ได้กินอาหารทะเลอร่อยๆ อย่างเช่น หอยปากเป็ด หอยชักตีน และมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ โดยชาวบ้านจะพานักท่องเที่ยวมาร่วมสนุกลุยโคลนเพื่อปล่อยพันธุ์หอยกลับคืนสู่ป่าชายเลน กับแนวความคิดที่ว่า หากนักท่องเที่ยวกินหอยไปหนึ่งกิโลกรัม อาจขยายเป็นสอง สาม กิโลกรัมในธรรมชาติ สำหรับปู หากชาวบ้านได้ปูที่มีไข่ใต้กระดองติดมากับอวน สิ่งที่ต้องทำคือนำไปไว้ในกระชังธนาคารปูในอ่าวหน้าหมู่บ้าน และเมื่อถึงเวลาออกมาดูโลก ลูกปูนับพันตัวจะออกมาเริงร่า ว่ายน้ำรอดรูตาข่ายของกระชัง เติบโตเป็นแหล่งอาหาร สร้างรายได้มหาศาลให้แก่ชุมชน หมู่บ้านแหลมนาว เป็นหมู่บ้านเก่าแก่ มีหลักฐานการตั้งถิ่นฐานครั้งแรกในสมัยรัชกาลที่ 3 แม้ว่าเวลาจะผ่านร่วงเลยไปถึง 200 ปี แต่ผืนป่าชายเลนแห่งนี้ อันเป็นเขตพื้นที่อุทยานแห่งชาติแหลมสนก็ไม่ถูกรุกราน เพราะชาวบ้านทุกคนต่างช่วยกันเป็นหูเป็นตา อีกทั้งยังร่วมมือกันอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติให้ยั่งยืน ซึ่งก็มีบ้าง ที่ชาวบ้านใช้ประโยชน์จากผืนป่า เพื่อดำรงชีพ แต่ก็ไม่กระทบต่อวงจรของธรรมชาติมากเท่าที่ควร เพราะการรู้จักประมาณตน และตระหนักถึงการอนุรักษ์ทรัพยากร อย่างที่เราได้กล่าวไปแล้วข้างต้น ทำให้ธรรมชาติสามารถฟื้นฟูตัวเองได้อย่างรวดเร็ว เกิดความสุมดุลในระบบนิเวศ นอกเหนือจากนั้น สัตว์เลี้ยง เช่น วัว ควาย ของชาวบ้าน ยังถูกเลี้ยงแบบปล่อยให้เป็นอิสระ โดยไม่มีการกั้นเขตแดน ทำให้ฝูงควายบ้าน วัวบ้าน นานวันเริ่มปรับตัวจนในปัจจุบันสามารถใช้ชีวิตกลมกลืนกับสัตว์ป่าได้เป็นอย่างดี เช่น พวกลิง หมู่ป่า กวาง ฯลฯ จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไม เราจึงพบเห็นสัตว์เหล่านี้หากินให้เห็นตามทุ่งหน้าใจกลางแหลมนาว ผลจากการรักษาสภาพแวดล้อม ทำให้บริเวณรอบบ้านแหลมนาวสะอาดมากกว่าบริเวณอื่น การันตีได้จาก “จักจั่นทะเล” สัตว์ขนาดเล็กขนาดเดียวกันกับกุ้ง ฝังตัวอยู่ในผืนทรายของชายหาด ซึ่งในประเทศไทยถือได้ว่าเป็นสัตว์ที่หายากมากๆ สัตว์เหล่านี้อยู่ได้ในสภาพแวดล้อมที่สะอาด ปราศจากมลพิษทางน้ำ และจึงบ่งบอกถึงความอุดมสมบูรณ์ในธรรมชาตินั่นเอง หมู่บ้านเล็กๆ แห่งนี้ อาจเป็นสถานที่ที่อยู่นอกสายตาของนักท่องเที่ยว ทำให้นักท่องเที่ยวหลายคนอาจจะยังไม่รู้จัก ดังนั้น ความตั้งใจของผู้ใหญ่บ้านจึงอยากให้ลูกบ้านกินดี อยู่ดี และมีรายได้จากการท่องเที่ยวในชุมชน โดยนำวิถีประมงเชิงอนุรักษ์มาเป็นตัวชักจูง เปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวได้ทำกิจกรรม ลองทำ ลองสัมผัสวัฒนธรรมของชาวเล โดยยึดหลักอย่างเคร่งครัด คือต้องไม่เปลี่ยนแปลงวิถีดั้งเดิม และไม่สร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และนี่ก็คือเรื่องราวดีๆ วิถีชีวิตของชาวบ้านแหลมนาว หมู่บ้านไร้ถนน ของคนรักษ์ทะเล ที่เรานำมาแชร์ให้กับทุกคนได้เห็นถึงความสวยงามในธรรมชาติ และให้นักท่องเที่ยวได้ตระหนักถึงการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติของประเทศเรา ซึ่งชุมชนแห่งนี้เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับการท่องเที่ยวแบบวิถีสโลว์ไลฟ์ อย่างที่หลายๆ คนชื่นชอบ ไม่ว่าจะฤดูกาลไหนๆ หน้าร้อน หน้าหนาว หรือหน้าฝน คุณก็จะได้สัมผัสกับความสวยงามในธรรมชาติ และยังคงเปี่ยมไปด้วยมนต์เสน่ห์ วิถีชีวิตดั้งเดิม เพลิดเพลินไปกับสีสันในทุกๆ ฤดูกาล ขอบคุณรูปภาพทั้งหมดจาก https://thai.tourismthailand.org/home และขอขอบคุณข้อมูลจาก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย